รู้จัก Ulta Beauty หุ้นใหม่ในพอร์ต Berkshire Hathaway
Ulta Beauty (ULTA: US) หุ้นร้านค้าปลีกด้านความงามในสหรัฐฯ กลายเป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างให้ความสนใจขึ้นมาเมื่อ Berkshire Hathaway (BRK: US) บริษัทของ Warren Buffett นักลงทุนชื่อดัง เข้าซื้อหุ้นราว 6.9 แสนหุ้น เป็นมูลค่าราว 266 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (สิ้นสุด ณ ไตรมาส 2/2024)
การเข้าลงทุนใน ULTA เป็นเรื่องน่าประหลาดใจไม่น้อยเมื่อพิจารณาจากการที่ Buffett ไม่เคยซื้อหุ้นเกี่ยวกับธุรกิจความงามมาก่อน อีกทั้งเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่ทยอยลดสัดส่วนการถือครองหุ้นใหญ่ในพอร์ตฟอลิโอ เช่น Apple (AAPL: US) และ Bank of America (BAC: US) ลองมาดูกันว่า ULTA ทำธุรกิจอะไร งบเป็นอย่างไร และมีปัจจัยอะไรที่ต้องพิจารณาก่อนลงทุน
ประวัติและลักษณะธุรกิจ
Ulta Beauty ก่อตั้งขึ้นในปี 1990 โดยมีชื่อเดิมว่า Ulta Salon, Cosmetics & Fragrance ประกอบธุรกิจเป็นร้านขายเครื่องสำอางในสหรัฐฯ มีทั้งสินค้าแบรนด์ของบริษัทและแบรนด์อื่น เป็นร้านที่มีขายสินค้าหลากหลายคล้ายกับร้าน Boots, Watson หรือ EVEANDBOY ที่คนไทยรู้จักกันดี
ทั้งนี้ ULTA จดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2007 โดยธุรกิจปัจจุบันยังมีเพียงในสหรัฐฯ เท่านั้น และเป็นสาขาบริหารเองทั้งหมด ไม่มีรูปแบบการขายแฟรนไชส์
ปัจจุบัน Ulta Beauty มีจำนวนสาขาทั้งหมด 1,385 แห่ง ณ สิ้นปี 2023 เป็นร้านขายเครื่องสำอางรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เมื่อเทียบจำนวนสาขา ขณะที่ Sephora ซึ่งเป็นอันดับสอง มีจำนวนสาขา อยู่ที่ 574 แห่ง ส่วนรายได้หลักจากสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางเป็นหลักที่สัดส่วน 39% ตามมาด้วยกลุ่มสินค้าบำรุงผิวกาย 24% กลุ่มสินค้าเกี่ยวกับผม 20% และกลุ่มสินค้าน้ำหอม 11%
สำรวจงบการเงิน
ย้อนดูรายได้และกำไรของ ULTA ในงบ 10 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่ามีการเติบโตทั้งรายและกำไรอย่างสม่ำเสมอ จากรายได้อยู่ที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์ในปี 2014 เติบโตเรื่อยๆ จนถึงระดับ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2023 ขณะที่กำไรก็ปรับขึ้นจาก 154 ล้านดอลลาร์ในปี 2014 ขึ้นมาถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023 มีเพียงงบปี 2020 ที่หดตัวลงเนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 แต่ก็ยังไม่ถึงกับขาดทุน
ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรของ ULTA สามารถปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 10 ปีหลังสุด โดยในงบปี 2023 อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 39.1% ขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Margin) อยู่ที่ 15% และ อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 11.5% ซึ่งการปรับสูงขึ้นของอัตรากำไรตามที่กล่าวไว้ข้างต้นแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถที่จะสร้างยอดขายให้เติบโตไปพร้อมกับควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้นในระยะยาว
ROE และ ROA ย้อนหลังของ ULTA ก็ปรับสูงขึ้นได้ต่อเนื่องเช่นกัน โดยในงบปี 2023 ROE อยู่ที่ 56% และ ROA อยู่ที่ 22% ทั้งนี้ ROE ที่ปรับขึ้นในช่วงหลังเป็นผลจากโครงการซื้อหุ้นคืนด้วย ซึ่งหากเทียบอัตราส่วนนี้ให้เห็นภาพ ลองเทียบกับ KAMART ร้านค้าปลีกด้านความงามในไทย พบว่า ROE ของ KAMART อยู่ที่ 29% และ ROA อยู่ที่ 20% ขณะที่ D/E Ratio ของ ULTA อยู่ที่ 0.8 เท่า
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนลงทุนหุ้น ULTA
การเติบโต : รายได้และกำไรของ ULTA ที่ผ่านมาเติบโตได้อย่างสม่ำเสมอและปัจจุบันเป็นร้านค้าปลีกด้านความงามรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ อีกทั้งอัตรากำไรก็สามารถปรับขึ้นได้ในระยะยาว บ่งชี้ว่าธุรกิจของบริษัทมีความแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ดี ULTA ยังไม่มีการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น
มูลค่าหุ้น : ปัจจุบัน P/E Ratio ของ ULTA อยู่ที่ 14.6 เท่า ถูกกว่าเมื่อเทียบกับ S&P 500 Consumer Discretionary ซึ่งอยู่ที่ 26 เท่า เป็นเพราะราคาหุ้นนับตั้งแต่ต้นปี (Year to Date) ของ ULTA ปรับตัวลงมาแล้ว 24.5% (ตามข้อมูลล่าสุดวันที่ 9 ก.ย. 2024) อาจเป็นจุดที่ทำให้ Berkshire เข้ามาซื้อหุ้นในช่วงที่ราคาย่อลง
ราคาเป้าหมาย : Bloomberg Consensus ให้คำแนะนำหุ้น ULTA เป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ US$407.15 อัพไซด์ +6.7% (อิงตามราคาปิดวันที่ 9 ก.ย. 2024)