Tesla vs BYD ใครคู่ควรแก่การลงทุน
Tesla vs BYD ใครคือเบอร์หนึ่งแห่งรถยนต์ไฟฟ้าตัวจริง พาเปรียบเทียบในทุกมิติ เริ่มตั้งแต่ภาพรวมตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วทั้งโลก ยอดขายของแต่ละบริษัท อัตรากำไร และสรุปคำแนะนำสำหรับสำหรับการลงทุน
ภาพรวมตลาด EV ทั่วโลก
ก่อนจะหาคำตอบว่า Tesla หรือ BYD ใครเป็นเบอร์หนึ่งตัวจริง ลองมาดูว่าภาพรวมตลาด EV ทั่วโลกเป็นอย่างไรบ้าง
ตลาด EV ทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยข้อมูลจากสำนักงานพลังงานสากล (International Energy Agency: IEA) ระบุว่า ยอดขายทั่วโลกของปี 2022 อยู่ที่ราว 10 ล้านคัน และคาดว่ายอดขายในปี 2023 จะเพิ่มขึ้นเป็นระดับเกือบ 14 ล้านคัน คิดเป็นการเติบโต 35% เทียบปีต่อปี
ปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้ตลาด EV เติบโตอย่างรวดเร็วและคาดว่าจะมีแนวโม้มโตแรงได้ต่อไป คือต้นทุนการซื้อปรับลง และนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึง EV ได้ง่ายขึ้น
กระแสความนิยม EV ส่วนหลักแล้วมาจากเงินของผู้บริโภคที่ซื้อรถ และมีอีกส่วนหนึ่งมาจากการใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งนับรวมถึงการออกมาตรการสนับสนุนและรายได้เข้ารัฐที่หายไปจากการออกมาตรการเว้นภาษีรถให้ผู้ซื้อ โดยในปี 2022 ยอดใช้จ่าย EV ที่มาจากผู้บริโภคอยู่ที่ 3.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับการใช้จ่ายของภาครัฐที่ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยกตัวอย่างประเทศไทยที่ภาครัฐสนับสนุนเงินให้กับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 18,000 – 150,000 บาทต่อคัน ขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่และชนิดรถยนต์
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของ IEA พบว่า สัดส่วนการใช้จ่ายของภาครัฐเริ่มลดระดับลงเรื่อยๆ จากระดับ 20% ของการใช้จ่ายรถไฟฟ้าทั้งหมด ในปี 2017 เหลือเพียง 10% ในปี 2022 ซึ่งข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการเติบโตของ EV มาจากดีมานด์ของผู้บริโภคที่สนใจเปลี่ยนการซื้อรถยนต์สันดาปมาเป็นแบบไฟฟ้ามากขึ้น และยืนได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่ามาตรการสนับสนุนจากภาครัฐจะเริ่มลดน้อยลง
สัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าเทียบน้ำมัน ตามข้อมูลของปี 2022 พบว่ายอดขาย EV คิดเป็นสัดส่วน 14% เทียบยอดขายรถยนต์ทั้งหมด เพิ่มขึ้นมาจาก 9% ในปี 2021 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 18% ในปี 2023
ส่วนยอดขายในประเทศไทย ปี 2022 พบว่าเติบโตขึ้นมากกว่า 3 เท่า เทียบกับปี 2021 โดยยอดขาย EV มีสัดส่วน 3% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด ปัจจัยหลักมาจากแบรนด์จีนที่เข้ามาตีตลาดและได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากขึ้น
เทียบมาร์เก็ตแชร์รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก
มาร์เก็ตแชร์ในตลาด EV เบอร์หนึ่งเป็นของ BYD โดยข้อมูลจาก IEA พบว่า สัดส่วนยอดขาย BYD ประจำปี 2022 อยู่ที่ 18% ขณะที่ Tesla อยู่ที่ 13% ตามมาด้วย Volkswagen ทั้งนี้ ข้อมูลตามกราฟข้างต้นนับรวมทั้งแบบ Battery electric vehicle และ Plug-in hybrid electric vehicle
หากดูเฉพาะยอดขายเจาะจงระหว่าง Tesla และ BYD แบบรายไตรมาส พบว่า ช่วงก่อนหน้านี้ Tesla มียอดขายจำนวนคันสูงกว่า จนกระทั่ง BYD พลิกแซงได้เป็นครั้งแรกในไตรมาส 4 ปี 2022 และทิ้งห่างมากขึ้นเรื่อยๆ
เทียบรายได้และกำไร
แม้ว่า BYD จะมีส่วนแบ่งตลาดสูงกว่า Tesla แต่มีรายได้และกำไรขั้นต้น (Gross Profit) ที่ต่ำกว่า โดยในปี 2022 รายได้ของ Tesla อยู่ที่ 8.14 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2.9 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 51.35% เทียบปีต่อปี ส่วนรายได้ของ BYD อยู่ที่ 4.24 แสนล้านหยวน (ประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 96.2% โดย Tesla มีจุดแข็งที่เหนือกว่าทั้ง BYD และคู่แข่งในอุตสาหกรรมยานยนต์คืออัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) โดยอัตรากำไรขั้นต้น Tesla ของปี 2022 อยู่ที่ 25.6% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นของ BYD อยู่ที่ 17.04% ถือว่ายังเกาะกลุ่มอยู่ในระดับไม่ห่างมากเทียบกับผู้ผลิตรายอื่น
การมีอัตรากำไรที่สูงกว่าคู่แข่งช่วยให้ Tesla มีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งอยู่เรื่องหนึ่ง คือ บริษัทมีความสามารถที่จะลดราคาขายให้ถูกลงได้เมื่อจำเป็นต้องกระตุ้นยอดขายสู้แบรนด์อื่นๆ เพราะเดิมทีนั้นมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า การลดราคาลงมาจะกระทบอัตรากำไรก็จริง แต่ยังมีกำไรสูงอยู่ดี แลกกับรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นจากจำนวนรถยนต์ที่ขายได้มากขึ้น ซึ่งเหมือนกับ Tesla มีกระสุนสำรองไว้ให้ใช้ได้ในยามจำเป็น
สรุปจุดเด่น Tesla vs BYD
เทียบจุดเด่นระหว่าง Tesla และ BYD แยกออกมาได้เป็นดังนี้
TSLA | BYD |
• เป็นผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยี EV และยานยนต์ไร้คนขับ | • ผลิตแบตเตอรี่ได้เอง ได้เปรียบที่สามารถคุมการผลิตต้นน้ำได้ ต่างกับ Tesla ซึ่งใช้แบตเตอรี่จากบริษัทอื่น เพราะฉะนั้นหากมีปัจจัยความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์เข้ามา BYD จะได้รับผลกระทบจำกัด |
• มีโรงงานผลิตระบบอัตโนมัติ ช่วยให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยถูกลง | • ราคาขายไม่สูงมากทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายกว่า |
• แบรนด์หรู พรีเมียม ตั้งราคาได้ | • ได้ฐานลูกค้าที่ใหญ่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดของ EV ด้วยสัดส่วนเกือบ 60% ของยอดขายของทั่วโลก |
• อัตรากำไรสูงกว่าคู่แข่งจากทั้งต้นทุนในการผลิตต่ำ และความเป็นแบรนด์ |
ตารางสรุปงบการเงิน
หุ้น TSLA และ BYD ควรซื้อหุ้นไหน
คำแนะนำหุ้น Tesla (TSLA: US) จากข้อมูลของ Bloomberg Consensus มีนักวิเคราะห์ให้คำแนะนำทั้งหมด 57 คน แบ่งเป็นดังนี้ | ขณะที่คำแนะนำหุ้น BYD (2594: CH) มีนักวิเคราะห์ทั้งหมด 43 คน แบ่งเป็นดังต่อไปนี้ |
• ซื้อ 23 คน | • ซื้อ 41 คน |
• ถือ 23 คน | • ถือ 2 คน |
• ขาย 11 คน | • ขาย 0 คน |
ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 244.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ อัพไซด์ +13.66% ตามราคา ณ วันที่ 18 ม.ค. 2024 | ราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 314.08 หยวน อัพไซด์ +64.89% ตามราคา ณ วันที่ 18 ม.ค. 2024 |