เปิดอาณาจักร LVMH เครือแบรนด์หรูอันดับ 1 ของโลก ลงทุนในอะไรบ้าง มีแบรนด์อะไรบ้าง
เปิดอาณาจักร LVMH เครือแบรนด์หรูอันดับ 1 ของโลก
จากเพลงใหม่ของ Lisa (BLACKPINK) Moonlit Floor หลายคนคงสงสัยว่า "Green Eyed French Boy Got Me Trippin'" ที่ทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหวคือใคร แม้ว่าจะยังไม่มีการคอนเฟิร์มอย่างเป็นทางการ แต่หลายคนคาดการณ์ไปในทางเดียวกันว่า พ่อหนุ่มคนนี้อาจเป็น Frederic Arnault ทายาทของอาณาจักร LVMH กลุ่มบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกทางด้านสินค้าแบรนด์หรู
LVMH ไม่ใช่แค่บริษัท แต่เป็นอาณาจักรแบรนด์หรู
LVMH (Moët Hennessy Louis Vuitton) ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 จากการควบรวมกันระหว่างสองบริษัทใหญ่ คือ Moët Hennessy ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจไวน์และสุราหรูหรา และ Louis Vuitton แบรนด์แฟชั่นหรูที่มีชื่อเสียงมายาวนาน การควบรวมครั้งนี้นำไปสู่การสร้างอาณาจักรสินค้าแบรนด์หรูที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายใต้การนำของ Bernard Arnault ซึ่งเป็น CEO และผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทตั้งแต่นั้นมา
LVMH ประกอบด้วยแบรนด์ชื่อดังมากมายในกลุ่มสินค้าแฟชั่น, นาฬิกา, เครื่องสำอาง, เครื่องประดับ, และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปัจจุบัน LVMH มีแบรนด์ย่อยมากกว่า 70 แบรนด์ รวมถึง Louis Vuitton, Christian Dior, Fendi, Bulgari, TAG Heuer, และ Moët & Chandon ซึ่งแบรนด์เหล่านี้ทำให้ LVMH กลายเป็นผู้นำในตลาดสินค้าหรูระดับโลกที่มีอิทธิพลทั้งในยุโรป, เอเชีย และอเมริกา
ความสำเร็จของ LVMH ไม่ได้เกิดจากการสร้างแบรนด์ใหม่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากการเข้าซื้อกิจการแบรนด์หรูที่มีศักยภาพ รวมถึงการบริหารจัดการที่เน้นการขยายธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์อย่างต่อเนื่อง LVMH จึงเป็นตัวแทนของความหรูหรา ความสำเร็จ และความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมระดับโลก
Frederic Arnault คือใคร ทำอะไรในเครือ LVMH
นอกจาก Frederic Arnault จะเป็นหนึ่งในทายาทของตระกูล Arnault ซึ่งเป็นครอบครัวที่บริหารเครือ LVMH โดยเฉพาะแล้ว Frederic เข้ามารับตำแหน่ง CEO ของแบรนด์ TAG Heuer ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาหรูในเครือ LVMH ตั้งแต่ปี 2020
บทบาทของ Frederic คือการนำพา TAG Heuer สู่การเติบโตใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานกับความเชี่ยวชาญในด้านนาฬิกาหรู ภายใต้การบริหารของเขา TAG Heuer ได้ขยายตัวในตลาดนาฬิกาอัจฉริยะ (smartwatch) รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การตลาดที่ทำให้แบรนด์ดึงดูดลูกค้ารุ่นใหม่ได้มากขึ้น Frederic เป็นหนึ่งในลูกชายของ Bernard Arnault ที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนแบรนด์ภายใต้เครือ LVMH
LVMH มีแบรนด์อะไรบ้างในพอร์ตฟอลิโอ
LVMH ถือแบรนด์หรูชื่อดังมากมายในหลากหลายธุรกิจ เช่น
แฟชั่นและเครื่องหนัง
- Louis Vuitton: แบรนด์แฟชั่นหรูที่เป็นสัญลักษณ์ของกระเป๋าและเครื่องหนังคุณภาพสูง มีชื่อเสียงระดับโลก
- Dior: แบรนด์แฟชั่นและเครื่องสำอางหรูหรา สัญลักษณ์ของความหรูและดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์
- Celine: แบรนด์แฟชั่นที่เน้นความเรียบหรูและโมเดิร์น มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบที่ทันสมัย
- LOEWE: แบรนด์จากสเปนที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตเครื่องหนังหรูคุณภาพสูง
- GIVENCHY: แบรนด์ที่เน้นสไตล์หรูหราและทันสมัย มีการออกแบบที่โดดเด่นในวงการแฟชั่น
- FENDI: แบรนด์อิตาลีที่มีชื่อเสียงด้านเครื่องหนังและเสื้อผ้า พร้อมกับโลโก้ FF ที่เป็นที่รู้จัก
- KENZO: แบรนด์แฟชั่นที่มีดีไซน์สดใสและสนุกสนาน ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นและยุโรป
- RIMOWA: แบรนด์กระเป๋าเดินทางคุณภาพสูงที่มีเอกลักษณ์ด้วยวัสดุอะลูมิเนียม
- Loro Piana: แบรนด์จากอิตาลีที่มีชื่อเสียงด้านการใช้วัตถุดิบพรีเมียมในเสื้อผ้าและเครื่องหนัง
- Berluti: แบรนด์รองเท้าหนังหรูและเสื้อผ้าผู้ชายที่เน้นฝีมือการทำรองเท้าแบบดั้งเดิม
- Moynat: แบรนด์กระเป๋าหนังหรูจากฝรั่งเศสที่เน้นการผลิตด้วยฝีมือช่าง
- PATOU: แบรนด์แฟชั่นหรูจากปารีสที่มีความเป็นผู้หญิงและสไตล์คลาสสิก
- Emilio Pucci: แบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านลวดลายที่สดใสและมีสีสัน โดดเด่นในเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง
ไวน์และสุรา
- Hennessy: แบรนด์คอนญักชื่อดังจากฝรั่งเศสที่มีประวัติยาวนานและเป็นที่ยอมรับทั่วโลก
- Dom Pérignon: แชมเปญหรูระดับพรีเมียมที่เป็นที่รู้จักในด้านคุณภาพและรสชาติ
- Belvedere Vodka: วอดก้าระดับพรีเมียมจากโปแลนด์ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ
- Moët & Chandon: แบรนด์แชมเปญระดับโลกที่เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและเฉลิมฉลอง
นาฬิกาและอัญมนี
- Bvlgari: แบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาหรูจากอิตาลีที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยวและหรูหรา
- TIFFANY & CO: แบรนด์เครื่องประดับชื่อดังจากสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบแหวนเพชรและสินค้าหรู
- Tag Heuer: แบรนด์นาฬิกาจากสวิสที่เน้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมในนาฬิกาสปอร์ตหรู
- Hublot: แบรนด์นาฬิกาหรูที่เน้นการออกแบบนาฬิกาข้อมือที่ทันสมัยและล้ำสมัย
น้ำหอมและเครื่องสำอาง
- Christian Dior PARFUMS: แบรนด์น้ำหอมและเครื่องสำอางหรูที่เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและความงาม
- ACQUA di PARMA: แบรนด์น้ำหอมจากอิตาลีที่เน้นการใช้น้ำหอมจากวัตถุดิบธรรมชาติ
- Maison Francis Kurkdjian Paris: แบรนด์น้ำหอมระดับหรูที่มีการออกแบบกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
- GUERLAIN แบรนด์น้ำหอมและเครื่องสำอางเก่าแก่จากฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมายาวนาน
- Benefit: แบรนด์เครื่องสำอางจากสหรัฐฯ ที่มีความโดดเด่นในผลิตภัณฑ์ที่เน้นความสนุกสนาน
- Fresh: แบรนด์เครื่องสำอางที่เน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติและเน้นการบำรุงผิว
- FENTY Beauty: แบรนด์เครื่องสำอางของนักร้อง Rihanna ที่เน้นความหลากหลายของเฉดสี
- STELLA McCARTNEY: แบรนด์เครื่องสำอางและน้ำหอมที่เน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
จัดจำหน่ายและอื่นๆ
- Sephora: เครือข่ายร้านค้าปลีกเครื่องสำอางชั้นนำที่มีสาขาทั่วโลก
- Le Parisien: หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นจากฝรั่งเศสที่เน้นข่าวสารและเหตุการณ์ในปารีส
- Investrir: หนังสือพิมพ์ด้านการลงทุนและการเงินจากฝรั่งเศส
- Les Echos: หนังสือพิมพ์เศรษฐกิจและธุรกิจชั้นนำของฝรั่งเศส
- Belmond: เครือโรงแรมหรูที่มีการให้บริการด้านการท่องเที่ยวและการพักผ่อน
ทำไมถึงน่าลงทุนใน LVMH?
LVMH เป็นบริษัทที่มั่นคงและมีการเติบโตต่อเนื่องจากมีการขยายพอร์ตฟอลิโอ ดึงแบรนด์หรูที่ฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมทั่วโลกมาร่วมในเครือ นอกจากนี้ตลาดสินค้าหรูยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้การเติบโตในอุตสาหกรรมอื่นๆ จะชะลอตัว นโยบายการขยายธุรกิจจน LVMH กลายเป็นผู้นำ ทำให้ LVMH น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนระยะยาว
LVMH มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจหลักดังนี้
- แฟชั่นและเครื่องหนัง: เป็นกลุ่มที่ทำรายได้มากที่สุด คิดเป็นประมาณ 47% ของรายได้รวมของบริษัท แบรนด์สำคัญในกลุ่มนี้ได้แก่ Louis Vuitton, Dior, Fendi, Celine, และ Loro Piana ซึ่งมีความต้องการสูงในตลาดสินค้าหรู
- ไวน์และสุรา: คิดเป็นประมาณ 10% ของรายได้รวม แบรนด์ชั้นนำได้แก่ Hennessy, Moët & Chandon, และ Dom Pérignon ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดไวน์และสุราระดับพรีเมียม
- นาฬิกาและอัญมณี: คิดเป็นประมาณ 9% ของรายได้รวม โดยแบรนด์เด่นในกลุ่มนี้คือ Bvlgari, TAG Heuer, และ Hublot
- น้ำหอมและเครื่องสำอาง: มีสัดส่วนรายได้ราว 13% แบรนด์สำคัญได้แก่ Christian Dior PARFUMS, Guerlain, และ Fenty Beauty
- จัดจำหน่ายและอื่นๆ: กลุ่มนี้คิดเป็นประมาณ 21% ของรายได้ ซึ่งรวมถึงธุรกิจค้าปลีกอย่าง Sephora และธุรกิจโรงแรมหรู Belmond
สัดส่วนเหล่านี้แสดงถึงความหลากหลายของ LVMH ในหลายอุตสาหกรรม ทำให้บริษัทมีฐานรายได้ที่แข็งแกร่งจากหลายแหล่งทั่วโลก (ข้อมูลจากรายประจำปีของ LVMH ปี 2023)
อยากลงทุนใน LVMH นักลงทุนไทยทำอย่างไรได้บ้าง ?
แม้ว่าในปัจจุบันการไปลงทุนในหุ้น LVMH ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฝรั่งเศสโดยตรงอาจจะยังมีข้อจำกัดอยู่สำหรับนักลงทุนไทยรายย่อย เช่น อาจจะต้องมีเงินลงทุนเริ่มต้นค่อนข้างสูง เพื่อที่จะสามารถลงทุนโดยตรงในหุ้น LVMH ได้ เป็นต้น แต่ก็ยังมีอีกหลายทางเลือกให้นักลงทุนชาวไทยที่สนใจลงทุนใน LVMH สามารถลงทุนทางอ้อมได้
- ลงทุนผ่าน ETF (Exchange-Traded Fund) ที่ถือหุ้น LVMH
- ลงทุนผ่านกองทุนรวม ที่มีการจัดสรรสินทรัพย์ในหุ้น LVMH
ETF แนะนำที่ลงทุนในหุ้น LVMH
Tema Luxury ETF (LUX) ETF ที่ลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมสินค้าหรูหรา โดยมุ่งเน้นที่การเติบโตระยะยาวผ่านการบริหารเชิงรุก ไม่ได้อ้างอิงตามดัชนี โดยเน้นบริษัทที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งในกลุ่มแฟชั่น เครื่องประดับ ยานยนต์ โรงแรม และผลิตภัณฑ์ความงาม เช่น Hermès, LVMH, Ferrari, และ Richemont
กองทุนแนะนำที่ลงทุนในหุ้น LVMH
- ASP-TOPBRAND: Feeder Fund ที่ลงทุนในกองทุนหลัก LO Funds - World Brands ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เช่น LVMH, Apple, และ Alphabet โดยมุ่งหวังสร้างผลตอบแทนสูงกว่าตลาดด้วยการลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพสูงและแบรนด์ที่มีคุณค่าFinnomena
- KT-LUXURY-A: Feeder Fund ที่ลงทุนใน Pictet - Premium Brands เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้นำในกลุ่มสินค้าหรูหรา กองทุนนี้มีการกระจายการลงทุนในบริษัทระดับบนทั่วโลก
- I-CHIC: ลงทุนใน Dominion Global Trends - Luxury Consumer Fund กองทุนนี้เน้นลงทุนในบริษัทที่มีแบรนด์เป็นที่รู้จักทั่วโลกในกลุ่มสินค้าหรูหรา เช่น Ferrari, Lindt & Sprüngli, และ LVMH
อย่าพลาดโอกาสเติบโตไปกับธุรกิจสุดแข็งแกร่งของพ่อหนุ่มฝรั่งเศสตาสีเขียวของ Lisa มีโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดา และน่าลงทุนเป็นอย่างมาก ลงทุน ETF และกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น LVMH ได้ที่แอป Pi Financial เลยวันนี้
คำเตือน- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- ติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัท