รู้หรือไม่? ค่าธรรมเนียมหุ้น กองทุน ใช้ลดหย่อนภาษีในโครงการ Easy E-Receipt 2.0 ได้สูงสุดถึง 30,000 บาท
รู้หรือไม่? ค่าธรรมเนียมหุ้น กองทุน ใช้ลดหย่อนภาษีในโครงการ Easy E-Receipt 2.0 ได้สูงสุดถึง 30,000 บาท
การลดหย่อนภาษีเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่คุณควรเริ่มใส่ใจตั้งแต่ต้นปี โดยในปี 2568 นี้ รัฐบาลได้ส่งโครงการ Easy E-Receipt 2.0 ช้อปดีมีคืนปี 2568 ออกมาอีกครั้ง ช่วยให้นักช้อปทุกคนสามารถช้อปพร้อม enjoy สิทธิประโยชน์ทางภาษีไปพร้อมๆ กัน แต่รู้หรือไม่ว่า สำหรับนักลงทุนแล้ว ค่าธรรมเนียมการลงทุน เช่น ค่าซื้อขายหุ้นและกองทุน สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30,000 บาท ด้วยนะ
สรุปเงื่อนไข Easy E-Receipt 2.0 ช้อปดีมีคืนปี 2568 ช้อปได้ ลดหย่อนภาษีด้วย
ลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
👉 ส่วนแรก: วงเงินไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับการ ซื้อสินค้าและบริการทั่วไป
👉 ส่วนที่สอง: วงเงินตั้งแต่ 20,000 - 50,000 บาท สำหรับการ ซื้อสินค้า OTOP, วิสาหกิจชุมชน, และวิสาหกิจเพื่อสังคม
โดยวงเงินทั้ง 2 ส่วนรวมกันต้องไม่เกิน 50,000 บาท
ตัวอย่างการซื้อสินค้าและบริการที่ตรงตามเงื่อนไข
ซื้อสินค้าและบริการทั่วไป 30,000 บาท + สินค้า OTOP, วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจเพื่อสังคม 20,000 บาท
ซื้อสินค้าและบริการทั่วไป 20,000 บาท + สินค้า OTOP, วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจเพื่อสังคม 30,000 บาท
ซื้อสินค้าสินค้า OTOP, วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจเพื่อสังคม 50,000 บาท
ค่าธรรมเนียมการลงทุนอะไรบ้างที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ในโครงการ Easy E-Receipt 2.0 ได้
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นไทย
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายหุ้นต่างประเทศ
- ค่าธรรมเนียม TFEX (ตราสารอนุพันธ์)
- ค่าธรรมเนียมซื้อขายกองทุนรวม
ศึกษารายละเอียดค่าธรรมเนียมการลงทุนที่ Pi Financial เพิ่มเติม
ระยะเวลาเข้าร่วมโครงการ
16 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2568
ต้องใช้หลักฐานอะไรบ้าง
เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการลดหย่อนภาษีอย่าลืมเก็บหลักฐานดังต่อไปนี้
- ใบยืนยันการซื้อขายหลักทรัพย์
- เอกสารชำระราคา
- ใบกำกับภาษี
บริษัทหลักทรัพย์ เช่น Pi Securities จะจัดส่งเอกสารเหล่านี้ให้ลูกค้าเพื่อใช้เป็นหลักฐานยื่นภาษีช่วงต้นปี 2569
รู้อย่างนี้แล้ว นักลงทุนไม่ควรพลาด เทรด หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ TFEX กองทุนรวม แล้วอย่าลืมเก็บเอกสารไว้ลดหย่อนภาษีด้วย ลงทุนสินทรัพย์ที่หลากหลายได้แล้ววันนี้ที่แอป Pi Financial