TOP (BUY : Fair Price : Bt 29.00) : กำไรปกติใกล้เคียงคาด รอประชุม EGM
TOP รายงานกำไรสุทธิงวด 4Q24 ที่ 2.8 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุนไตรมาสก่อน ดีกว่าอุตสาหกรรมและเราคาด หากพิจารณากำไรปกติพบว่าใกล้เคียงคาดที่ 2.8 พันล้านบาท โดยมี GIM อยู่ที่ 7.1 US$/bbl (+103%YoY, N.M%QoQ) ปัจจัยหลักมาจากค่าการกลั่นที่ปรับตัวขึ้นเป็น 5.1 US$/bbl (-29%YoY, +38%QoQ) หนุนจากอุปสงค์ของน้ำมันอากาศยาน ในช่วงฤดูท่องเที่ยวฝั่งเอเชีย และอุปสงค์ของน้ำมันเตาที่เพิ่มขึ้นตามการเดินเรืออ้อมทวีปแอฟริกา ติดตามการประชุม EGM ในวันที่ 21 ก.พ. 2025 วาระการอนุมัติเงินลงทุนเพิ่มเติมในโครงการ CFP ณ ราคาปัจจุบัน คิดเป็น PBV’25 อยู่ที่ 0.44 เท่า หรือคิดเป็นระดับ -2SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี เราปรับคำแนะนำ”ซื้อ” ที่มูลค่าพื้นฐาน 29 บาท หลังจากมี upside อีกครั้ง พร้อมกับ Downside ที่จำกัด (PBV -2SD) รอดูความชัดเจน CFP หลังประชุม EGM
กำไร 4Q24 ฟื้นตัวดีกว่าคาด หากนับกำไรปกติใกล้เคียงคาด
• รายงานกำไรสุทธิ 4Q24 อยู่ที่ 2.8 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุนในไตรมาสก่อนที่ 4.2 พันล้านบาท ดีกว่าเราและอุตสาหกรรมคาด จากขาดทุนรายการพิเศษที่น้อยกว่าคาด หากพิจารณากำไรปกติ พบว่าใกล้เคียงคาดที่ 2.8 พันล้านบาท ส่งผลให้กำไรทั้งปีอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท (-49%YoY) มีรายการพิเศษประจำทั้งปีดังนี้ 1.กำไรจากการซื้อหุ้นกู้คืน 1.1 พันล้านบาท 2.กำไร commodity hedging 626 ล้านบาท 3.ขาดทุน fx hedging 265 ล้านบาท
• GIM 4Q24 อยู่ที่ 7.3 US$/bbl (+103%YoY, N.M%QoQ) มาจาก 1) ธุรกิจโรงกลั่น 5.1 US$/bbl (-29%YoY, +38%QoQ) หนุนจากอุปสงค์ของน้ำมันอากาศยาน ในช่วงฤดูท่องเที่ยวฝั่งเอเชีย และอุปสงค์ของน้ำมันเตาที่เพิ่มขึ้นตามการเดินเรืออ้อมทวีปแอฟริกา 2) ธุรกิจ Aromatic 1 US$/bbl (0%YoY, -17%QoQ) โดนกดดันจากส่วนต่างทั้ง PX และ BZ 3) ธุรกิจ Lube 1 .1US$/bbl (+120%YoY, +120%QoQ) ปรับเพิ่มมูลค่ายุติธรรม 4) ขาดทุนสต็อกน้ำมันหลักล้างกับ NRV มีกำไร 95 ล้านบาท
• ส่วนกำลังการผลิต 4Q24 ที่ 311 KBD (+2%YoY, 0%QoQ) ทรงตัวเมื่อเทีบบกับไตรมาสก่อน แต่ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีการปิดซ่อมบำรุงบางส่วน
**รออัพเดทประเด็น CFP เพิ่มเติมในวัน ประชุม EGM **
ติดตามการประชุม EGM ในวันที่ 21 ก.พ. 2025 วาระการอนุมัติเงินลงทุนเพิ่มเติมในโครงการพลังงานสะอาด (CFP) มูลค่า 6.3 หมื่นล้านบาท และดอกเบี้ยระหว่างการก่อสร้างอีก 1.8 หมื่นล้านบาท รวมทั้งสิ้น 8.1 หมื่นล้านบาท (รวมอยู่ในประมาณการเราแล้ว) หากคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งโครงการ 2.4 แสนล้านบาท และดอกเบี้ยรวม 3.7 หมื่นล้านบาท โดยทางบริษัทชี้แจ้งมีการบังคับหลักประกันในวันที่ 24 ม.ค. 2025 ตามสัญญา เป็นจำนวนเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น มูลค่าต่อบัญชี 6 บาท (ยังไม่รวมในราคาเป้าหมาย) โดยจำนวนเงินดังกล่าว นำไปลดต้นทุนส่วนเพิ่มและภาระทางการเงิน คิดเป็น 15% ของเงินลงทุนส่วนเพิ่ม ส่งผลให้ IRR มีความคุ้มค่ามากขึ้น โดยมี WACC อยู่ที่ 7% โดยการบังคับตามสัญญาดังกล่าว ส่งผลให้มีแนวโน้มที่ทางบริษัทจะเปลี่ยนผู้รับเหมา
ปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" หลังจากมี Upside อีกครั้ง
ที่มูลค่าพื้นฐาน 29 บาท คำนวณด้วย PBV ที่ 0.52x (-1.75SD) ของค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง สะท้อนความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงและความไม่ชัดเจนของโครงการ CFP ไปมากแล้ว ณ ราคาปัจจุบัน คิดเป็น PBV’25 อยู่ที่ 0.44 เท่า หรือคิดเป็นระดับ -2SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี ส่วนมูลค่าตามบัญชีที่นำโครงการ CFP ออก (Adj. Book value) อยู่ที่ 55.5 บาทต่อหุ้น รอดูความชัดเจน CFP หลังประชุม EGM อีกทั้งประกาศปันผล 0.7 บาทต่อหุ้น (Div 2.4%) ขึ้น X.D 27 ก.พ.