PTTEP (HOLD : Fair Price : Bt 141.00) : คาดกำไรประจำไตรมาส 4 ชะลอตัวลงตามราคาน้ำมัน
เราคาดกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 1.75 หมื่นล้านบาท (-5%YoY, -2%QoQ) ชะลอตัวลงตามราคาน้ำมันดิบเป็นหลัก โดยราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยประจำไตรมาส 4 ที่ 73.6 US$/bbl (-10%YoY, -4%QoQ) หลักจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนชะลอตัว ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 45.6 US$/BOE (-6%YoY, -3%QoQ) แม้ว่าปริมาณการขายอยู่ที่ 506 KBOED (+7%YoY, +7%QoQ) เพิ่มขึ้นเนื่องจากกลับมาดำเนินการขุดเจาะหลังจากมีการปิดซ่อมบำรุงหลุมในอ่าวไทย แนวโน้มปี 2025 เราคาดว่าราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงในกรอบ 65 – 75 US$/bbl โดยอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากทั้ง OPEC+ และ Non-OPEC เป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน เราปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” ที่มูลค่า 141 บาท เนื่องจาก Upside ที่จำกัด ณ ราคาปัจจุบัน คิดเป็น PE’25/26 อยู่ที่ 7.4/8.1 เท่า ตามลำดับ (-1SD) พร้อมทั้งอัตราเงินปันผลปี 25/26 ที่ 7.2%/6.1% ตามลำดับ
กำไร 4Q24 ชะลอตัวลงตามราคาน้ำมัน
• คาดกำไรสุทธิ 4Q24 อยู่ที่ 1.75 หมื่นล้านบาท (-5%YoY, -2%QoQ) รวมกำไรจากโครงการ SEAGREEN 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (เริ่มดำเนินการในงวด 4Q23) ส่วนรายการพิเศษ โดนกระทบจาก Deferred tax 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้กำไรปกติอยู่ที่ 1.81 หมื่นล้านบาท
• ราคาขายเฉลี่ยต่อชิ้น (ASP) ของไตรมาส 4 อยู่ที่ 45.6 $/BOE (-6%YoY, -3%QoQ) ลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยประจำไตรมาส 4 ที่ 73.6 US$/bbl (-10%YoY, -4%QoQ) หลักจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ส่วนราคาขายก๊าซอยู่ที่ 5.9 US$/mmBTU ทรงตัวเทียบไตรมาสก่อน
• ปริมาณการขายอยู่ที่ 506 KBOED (+7%YoY, +7%QoQ) กลับมาดำเนินการอีกครั้งหลังมีการปิดซ่อมบำรุงหลุดในอ่าวไทยในไตรมาสก่อน หนุนปริมาณการขายเทียบกับไตรมาสก่อน และปรับตัวขึ้นปีต่อปี หลังจากแหล่ง G1/61 กลับมาดำเนินการอีกครั้ง
แนวโน้มผลประกอบปี 2025 และ 1Q25
เราปรับประมาณปี 2024/25 ขึ้น +6%/+3% ตามลำดับ จากกำไรจาก JV และปรับเพิ่มรายการพิเศษ เป็น 7.8 หมื่นล้านบาท (+2%YoY)/6.6 หมื่นล้านบาท (-16%YoY) ทั้งยังคงมากกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 5.15 หมื่นล้านบาท โดยเราคาด ASP ปี 2025 ที่ 45.6$/BOE (-5%YoY) ตามสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่ 75 US$/bbl (-9%YoY) ส่วนปริมาณการขายรวมที่ 507 KBOED (+1%YoY) เพิ่มขึ้นจากแหล่ง Ghasha ฝั่งต้นทุนต่อหน่วยที่ 29.5 US$/BOE (0%YoY) หลังจากผ่านช่วงเร่งกำลังการผลิตของของโครงการ G1 (เอราวัณ) ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันปรับตัวลงในกรอบ 65 – 75 US$/bbl เนื่องจากเกิดอุปทานส่วนเกินนำโดยกลุ่ม Non-OPEC เพิ่มขึ้น 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากทั้งสหรัฐฯและแคนาดา อีกทั้งกลุ่ม OPEC+ ที่หมดโควต้าการปรับลดกำลังการผลิตเฉลี่ยทั้งปี 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมอุปทานเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบกับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นเพียง 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนแนวโน้มงวด 1Q25 ราคาน้ำมันยังคงมี Downside จากนโยบายเพิ่มอุปทานน้ำมันของสหรัฐฯ อีก 3 ล้านบาร์เรล แม้ว่าต้นทุนของน้ำมันดิบถูกลงเมื่อเทียบกับก๊าซธรรมชาติ
**ปรับคำแนะนำเป็น "ถือ" **
มูลค่าพื้นฐานที่ 141.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC 10% และ TG 0% ณ ราคาปัจจุบัน คิดเป็น PE’25/26 อยู่ที่ 7.4/8.1 เท่า ตามลำดับ หรือคิดเป็นระดับ -1SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี พร้อมทั้งอัตราเงินปันผลปี 25/26 ที่ 7.2%/6.1% ตามลำดับ โดยเราตั้งสมมติฐาน ราคานํ้ามันดูไบระยะยาวที่ 65$/bbl ตั้งแต่ปี 2026E