PTTEP (BUY : Fair Price : Bt 141.00) : ปรับแผนใหม่ ชะลอการลงทุนในมาเลเซีย
บริษัทแถลงแผนการลงทุน 5 ปี (2025-29E) มูลค่า 3.36 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (+3% เทียบแผนก่อน) โดยมีการนำโครงการ Ghasha เพิ่มเข้ามาในปี 2H25E แทนโครงการ Abu Dhabi Offshore โดนเลื่อนไปปี 2027E ส่วนโครงการ Lang Lebah ที่มาเลเซีย ถูกถอดออกมา เนื่องจากต้นทุนพัฒนาโครงการสูงกว่าคาด ส่วนปริมาณการขายในปี 2025E อยู่ที่ 507 KBOED (-3% เทียบแผนก่อน) เนื่องจากแหล่งผลิตในอ่าวไทยมีอายุการใช้งานนานหลายปี ทำให้ต้องการหยุดซ่อมบำรุงมากขึ้น ส่งผลให้เราปรับกำไรปี 2025E ลง -6% สะท้อนผ่าน 1.ปริมาณการขายที่ลดลง 2.ราคาน้ำมันระยะยาวที่ปรับลดลง และ 3.ต้นทุนต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้น ตามปริมาณการขายที่ลดลง โดยเรายังคงแนะนำ “ซื้อ” ที่มูลค่าพื้นฐาน 141.00 บาท (เดิม 181 บาท) แม้ว่าราคาปัจจุบัน คิดเป็น PE 7.8 เท่า (-1SD) แต่นโยบายเพิ่มอุปทานจากสหรัฐกดดันราคาน้ำมัน
ปรับเพิ่มงบลงทุน แต่ลดปริมาณการผลิต
• บริษัทแถลงแผนการลงทุน 5 ปี (2025-29E) มูลค่า 3.36 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (+3% เทียบแผนก่อน) แบ่งเป็น ค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) 2.13 หมื่นล้าน เหรียญสหรัฐ (+2.4% เทียบแผนก่อน) และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ (OPEX) 1.23 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (+4.2% เทียบแผนก่อน) โดยมีการนำโครงการ Ghasha เพิ่มเข้ามาในปี 2H25E แทนโครงการ Abu Dhabi Offshore โดนเลื่อนไปปี 2027E ส่วนโครงการ Lang Lebah ที่มาเลเซีย ถูกถอดออกมาเนื่องจาก ต้นทุนพัฒนาโครงการสูงกว่าคาด (มูลค่า 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ) หากพิจารณาเฉพาะปี 2025E มีงบลงทุนเป็น 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ (+4% เทียบแผนก่อน) หลักๆเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงโครงการในอ่าวไทย
• บริษัทคาดปริมาณการขายเพิ่มขึ้นเป็น 581 KBOED ในปี 2029E จาก 491 KBOE ในปี 2024E หรือคิดเป็น CAGR +3.4%YoY หากพิจารณาเฉพาะปี 2025E มีการปรับลดปริมาณการขายเหลือ 507 KBOED (-3% เทียบแผนก่อน) เนื่องจากแหล่งผลิตในอ่าวไทยมีอายุการใช้งานนานหลายปี ทำให้ต้องการหยุดซ่อมบำรุงมากขึ้น เพื่อให้คงประสิทธิภาพในการผลิต
แนวโน้มผลประกอบปี 2025 และ 4Q24
เราปรับประมาณการปี 2025E ลง -6% สะท้อนผ่าน 1.ปริมาณการขายที่ลดลงตามประมาณการของบริษัท 2.ราคาน้ำมันที่ปรับลงเป็น 75 US$/bbl (เดิม 77 US$/bbl) และ 3.ต้นทุนต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้น ตามปริมาณการขายที่ลดลง ส่วนผลประกอบการทั้งปี 2024E คงไว้ที่ 7.35 หมื่นล้านบาท (-4%YoY) โดยผลประกอบการ 9M24 คิดเป็น 82% ของประมาณการกำไรปีดังกล่าว ส่วนผลประกอบการ 4Q24 กำไรทรงตัว เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นจากทั้งปัจจัยฤดูกาลและการส่งมอบที่ค้างส่ง หักล้างกับราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวลง (3Q24 : 78.3 US$/bbl, 4QTD : 73.4 US$/bbl) เราคาดว่า Downside ของราคาน้ำมันดิบมีมากขึ้น ตามนโยบาย scott bessent ว่าที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ที่ต้องการเพิ่มอุปทานอีก 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนโครงการคาดว่าการลงทุนในแหล่ง LLB มีความชัดเจน FID ภายในกลางปี 2025
**คงคำแนะนำ "ซื้อ" **
เราปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2025 ที่ 141.00 บาท (เดิม 181 บาท) คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC 10% และ TG 0% คิดเป็น PE’25 อยู่ที่ 7.3 เท่า (-1SD ของค่าเฉลี่ย 5 ปี) พร้อมทั้งอัตราเงินปันผลปี 2025-26E ที่ 7%, 6.1% ตามลำดับ เราตั้งสมมติฐาน ราคาน้ำมันดูไบปี 2024-25E ที่ 82$/bbl และ 75$/bbl ตามลำดับ ส่วนราคานํ้ามันดูไบระยะยาวที่ 65 US$/bbl (เดิม 70 US$/bbl) ตั้งแต่ปี 2026E