NER (BUY : Fair Price : Bt 6.50) : ปี 25 ตั้งเป้ายอดขาย 500,000 ตัน
เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” เพราะมองว่าผลประกอบการช่วง 1Q25 จะเห็นการฟื้นตัวจาก 4Q24 ได้หลังจากต้นทุนราคาสูงได้ใช้หมดไปค่อนข้างมากแล้ว ส่วนปี 25 บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ระดับ 500,000 ตัน (+14%) โดยมีลูกค้ารายใหญ่จากอินเดียที่หันมาซื้อยางจากไทยแทนหลังจากผลผลิตยางจากอินโดนีเซียลดลงมาก และจากแนวโน้มที่คาดว่าจะยังเพิ่มขึ้นทำให้บริษัทตัดสินใจก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 ในช่วง 2H25 นี้ ซึ่งจะหนุนให้ปริมาณขายยังเติบโตได้หลังจากในปี 25 ปริมาณขายที่คาดไว้ใกล้เต็มกำลังการผลิตที่มี 516,000 ตันแล้ว ทั้งนี้เราประเมินกำไรในปี 25 อยู่ที่ 1,943 ล้านบาท(+18%YoY) สำหรับงวด 4Q24 NER มีกำไรปกติ 484 ล้านบาท (+13%YoY,+119%QoQ) NER จ่ายปันผล 2H24 อีก 0.31 บาท/หุ้น XD 24 เม.ย. จ่าย 9 พ.ค.
**4Q24 กำไรสุทธิ 359 ล้านบาท (-22%YoY, -0.4%QoQ) **
• NER มีกำไรสุทธิ 359 ล้านบาท (-22%YoY,-0.4%QoQ) แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่เป็นขาดทุนกว่า 125 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่ 484 ล้านบาท (+13%YoY,+119%QoQ)
• รายได้อยู่ที่ 8,934 ล้านบาท (+35%YoY,+45%QoQ) มีปริมาณขาย 136,102 ตัน (+7%YoY,+39%QoQ) ส่วนราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 65.6 บาท/กก. (+27%YoY,+4%QoQ) ได้รับผลดีจากราคาตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.
• กำไรขั้นต้นที่ 8.8% ลดลงจาก 11.3% ใน 4Q23 แต่ดีขึ้นจาก 8.3% ใน 3Q24 กำไรขั้นต้นได้รับแรงกดดันจากความต้องการยางในกลุ่ม EUDR ที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคายางแผ่นดิบปรับตัวขึ้นมาก ทำให้ต้นทุนขึ้นมากกว่าที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้
• ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 163 ล้านบาท (-12%YoY, -8%QoQ) ลดลงมากในกลุ่มค่าใช้จ่ายในการบริหาร ส่วนค่าใช้จ่ายการขายเพิ่มขึ้น 20%QoQ ตามปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น
• ดอกเบี้ยจ่าย 129 ล้านบาท (+17%YoY,+12%QoQ) เพราะมีออกหุ้นกู้เพิ่ม
• รวมแล้วในปี 24 NER มีกำไรสุทธิ 1,652 ล้านบาท (+7%YoY)
ส่วนปี 25 ตั้งเป้าขาย 500,000 ตัน ส่วนโรงงานใหม่มาปี 26
ปี 25 เบื้องต้นผู้บริหารยังคงตั้งเป้ายอดขายที่ระดับ 500,000 ตัน (+14%YoY) โดยความต้องการส่วนหนึ่งมาจากลูกค้าประเทศอินเดียที่ย้ายมาจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 4 รายแล้ว ด้าน Supply ยางที่ NER เตรียมพร้อมสำหรับขายนั้น ล่าสุดมีการทำความมือกับเกษตรกรเพิ่มหลายราย ซึ่งจะทำให้มีวัตถุดิบเข้ามาแน่นอนแล้วประมาณ 200,000 ตัน (เทียบกับปี 24 ที่มีการทำสัญญาได้วัตถุดิบมาเพียง 70,000 ตัน) ช่วยลดความเสี่ยงในการหาวัตถุดิบได้ ส่วนความเสี่ยงที่ไทยอาจจะโดนขึ้นภาษีล้อยางนั้นทางผู้บริหารมองว่ามีโอกาส แต่คาดว่าด้วยการที่ไทยเป็นฐานการผลิตที่ต้นทุนต่ำสุด หากปรับขึ้นก็ยังสามารถส่งไปขายยังสหรัฐฯได้สำหรับโรงงานยางแท่งแห่งที่ 3 กำลังการผลิต 300,000 ตัน เริ่มสร้างในช่วง 2H25 และเฟสแรกมีกำหนดเสร็จ 2H26 มีกำลังการผลิต 150,000 ตัน เสร็จหมดปี 27 ด้วยเงินลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท
คงแนะนำ “ซื้อ” ระยะสั้นคาด 1Q25 ฟื้นตัว
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” มีปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการงวด 1Q25 จะฟื้นตัวได้จากปริมาณขายที่สูงกว่า 100,000 ตัน และต้นทุนราคาแพงได้หายไปมากแล้วในช่วง 4Q24 ทำให้มีโอกาสเห็นกำไรขั้นต้นปรับขึ้นจาก 4Q24 ได้ ส่วนกำไรในปี 25 เราประเมินไว้ที่ 1,943 ล้านบาท (+18%YoY) โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมใหม่ที่ 6.5 บาท (6.2XPER’25E) NER จ่ายเงินปันผล 2H24 ที่ 0.31 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนกว่า 6% (รวมทั้งปีจ่าย 0.36 บาท/หุ้น) XD 24 เม.ย. จ่าย 9 พ.ค.