KTC (SELL : Fair Price : Bt 45.00) : ความสามารถทำกำไรลด และ Valuation สูง

Published
Share this article:

ปรับคำแนะนำเป็น "ขาย" ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 45 บาท เนื่องจาก (1) หนี้ครัวเรือนสูงเป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัวของสินเชื่อใหม่ (2) ความสามารถการทำกำไรแนวโน้มลดลง (3) Valuation ค่อนข้างสูง ซื้อขายที่ 3.0x PBV’25E และ 17.1x PE’24E และ (4) Dividend yield เพียง 2.6-2.7% ในปี 2025-26 เรามองว่า KTC ขาดปัจจัยหนุนที่จะฟื้นให้สินเชื่อกลับมาขยายตัวโดดเด่น กอปรกับต้องควบคุมหนี้เสียในภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวเปาะบาง ทำให้แนวโน้มกำไรอยู่ในช่วงเติบโตต่ำ 2.3%/3.2% YoY 2025-26 และ ROE แนวโน้มลดลงต่อเนื่องที่ 18.1%/17% ในปี 2024-26 ด้านผลการดำเนินงานใน 4Q24 กำไรสุทธิออกมาที่ 1.9 พันล้านบาท (+7.2% YoY, -1.6% QoQ) ขณะที่ NPL ratio ทรงตัวที่ 1.95% และ Coverage ratio สูงขึ้นเป็น 369.3%

กำไรสุทธิใน 4Q24 เติบโต YoY แต่ลดลง QoQ

• กำไรสุทธิงวด 4Q24 ออกมาตามคาดที่ 1.9 พันล้านบาท (+7.2% YoY, -1.6% QoQ) กำไรเติบโต YoY เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวผลบวกจากส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ขยายตัวเป็น 19.7% (+77 bps YoY, +10 bps QoQ) และหนี้สูญรับคืนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี กำไรลดลง QoQ เนื่องจากสำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้นเป็นหลัก

• สินเชื่อรวมขยายตัวแข็งแกร่ง 4.7% QoQ จากปัจจัยฤดูกาลที่ปกติจะมีการใช้จ่ายสูงขึ้นในช่วงเทศกาลหยุดท้ายปี แต่ไม่เพียงพอทำให้สินเชื่อในปี 2024 ขยายตัวได้ โดยสินเชื่อรวมในปี 2024 หดตัว 1.1% เนื่องจากสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อตามสัญญาเช่าซื้อลดลง

• หนี้เสียเพิ่มขึ้น 5.8% QoQ ขณะที่ NPL ratio รวมทรงตัวที่ 1.95% เพราะฐานสินเชื่อที่ขยายตัว และสำรองหนี้ต่อหนี้เสีย (Coverage ratio) ลดลงที่ 369.3%

**กำไรสุทธิโตชะลอตัว ROE เป็นขาลง **

• ปี 2024 แม้กำไรจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย แต่เป็น 2 ปีติดต่อกันที่กำไรเติบโตต่ำ กำไรสุทธิปี 2024 อยู่ที่ 7.4 พันลบ. (+1.9% YoY) หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น และหนี้สูญรับคืนเพิ่มขึ้น

• เป้าหมายปี 2025 ประกอบด้วย 1) กำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2024 2) สินเชื่อรวมโต 4-5% แบ่งเป็น สินเชื่อบัตรเครดิต +10%, สินเชื่อบุคคล +3%, สินเชื่อใหม่ของพี่เบิ้มขยายตัว 3 พันลบ. และ 4) NPL ratio < 2%

• เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเปาะบางและไม่ทั่วถึง กอปรกับหนี้ครัวเรือนสูงเกือบ 90% ของจีดีพีไทย ทำให้การขยายสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมายยังท้าทาย เราไม่คิดว่ามาตรการของรัฐ เช่น E-Receipt และการแจกเงินคนละ 10,000 บาท จะส่งกระตุ้นการขยายตัวของสินเชื่อได้มากนัก โดยคาดสินเชื่อจะขยายตัว 2.6%/2.7% คาดการณ์กำไรสุทธิจะเติบโตต่ำเพียง 2.3%/3.2% ในปี 2025-2026

• ROE แนวโน้มขาลงต่อเนื่องที่ 18.1% /17%ในปี 2025-26 สะท้อนความสามารถการทำกำไรที่อ่อนแอลง

ปรับลดคำแนะนำเป็น "ขาย" มูลค่าพื้นฐาน 45 บาท

เราปรับคำแนะนำเป็น “ขาย” จาก “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 45.00 บาท คำนวณด้วยวิธี Gordon growth model (ROE 18%, Long term growth 3%) อิง 2.6x PBV’25E และ 15.3x PE’25E