KBANK (BUY : Fair Price : Bt 178.00) : สำรองหนี้ฯ ที่ลดลงชดเชยการ่อนตัวของ NIM

Published
Share this article:

เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 178 บาท แม้ต้องเผชิญกับวัฐจักรดอกเบี้ยลดลงที่กดดัน NIM ลดลงการมุ่งเน้นจัดการงบดุลให้แข็งแกร่ง ทำให้ credit cost มีแนวโน้มลดลงจากระดับสูงที่ 211 bps ในปี 2022 ลดลงเหลือ 175-195 bps ในปี 2024 และ 140-160 bps ในปี 2025 เรามองว่าสำรองหนี้ฯ ลดลงช่วยลดทอนผลกระทบจาก NIM ที่ลดลงได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักหนุนให้กำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องในปี 2024-26 อย่างไรก็ดี เรามองว่ายังเป็นปัจจัยที่ท้าทายหาก KBANK ทำได้ตามเป้าหมายทำให้ ROE เป็น 2 หลักในปี 2026 โดยเราคาดว่า ROE จะอยู่ที่ 8.5% ในปี 2024-26 สำหรับใน 3Q24 เราคาดกำไรสุทธิที่ 12.2 พันล้านบาท (+8.2% YoY, -3.5% QoQ) ขณะที่งบดุลทรงตัว โดยคาดจะมี NPL ratio ที่ 3.2% และ Coverage ratio ที่ 150.1%

คาดกำไรสุทธิใน 3Q24 เติบโต YoY แต่ลดลง QoQ

• เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 3Q24 ที่ 12.2 พันล้าน (+8.2% YoY, -3.5% QoQ) โดยกำไรที่ขยายตัว YoY เนื่องจากสำรองหนี้ฯ ปรับลดลงหลังจากที่กระบวนการบริหารงบดุลจะแล้วเสร็จในปี 2024 และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่วนสำคัญมาจากการฟื้นตัวของภาวะการลงทุนที่ส่งผลบวกต่อรายได้ค่าธรรมเนียม และผลกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี คาดกำไรจะลดลง QoQ จาก (1) รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงล้อกับสินเชื่อที่ลดลง และส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลงต่อเนื่อง และ (2) รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง

• เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปาะบางและกลยุทธ์การจัดการงบดุล เราคาดว่าสินเชื่อจะลดลง 1.5% QoQ ใน 3Q24 หลังจากสินเชื่อเดือน ก.ค.-ส.ค. ลดลง 1.2% เทียบกับ มิ.ย. ทั้งนี้ เรามองว่าสินเชื่อจะกลับมาขยายตัวได้ 4Q แต่ได้ปรับลดการเติบโตสินเชื่อที่ 0.5% YoY ในปี 2024 จาก 3% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายธนาคารที่เติบโต 3-5%

• การควบคุมคุณภาพสินเชื่อเป็นกลยุทธ์หลักของธนาคารเพื่อสนับสนุนให้ Credit cost แนวโน้มปรับลดลงตามเป้าหมายเหลือ 175-185 bps ในปี 2024 เราคาดว่า credit cost ใน 3Q24 จะทรงตัว QoQ ที่ 185 bps และคาด NPL ratio ทรงตัว QoQ ที่ 3.2% เทียบกับเป้าหมาย <3.25% ในปี 2024 และ Coverage ratio ทรงตัวที่ 154.5%

Credit cost ลดลงชดเชยผลกระทบจากการอ่อนตัวของ NIM

แผนการทำ Balance sheet clean-up ที่จะแล้วเสร็จในปี 2024 ทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ มีแนวโน้มปรับลดลงในปี 2024-26 ซึ่งจะช่วยลด ผลกระทบจาก NIM ที่ลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยลดลง เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตต่อนื่องที่ 10.2%/4.9%/5.2% ในปี 2024-26 และ ROE เป็น 8.5% ในปี 2024-26 เทียบกับ 8.2% ในปี 2023

คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 178 บาท

แนะนำ “ซื้อ” จาก (1) การฟื้นตัวต่อเนื่องของกำไรในปี 2024-26 (2) สำรองหนี้ฯ ลดลงหลังจากกระบวนการบริหารคุณภาพสินเชื่อส่วนใหญ่แล้วเสร็จในปี 2024 และ (3) มูลค่าหุ้นน่าดึงดูด เราปรับมูลค่าพื้นฐานขึ้นเป็น 178 บาท จาก 152 บาท จากการ Roll over เป็นปี 2025 คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 8.5%, TG 2%) อิงจาก 0.7x PBV’24E หรือ -0.75SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี