KBANK (ฺBUY : Fair Price : Bt 180.00) : Credit cost ลดลงตามเป้าหมายในปี 2025

Published
Share this article:

**คงแนะนำ "ซื้อ" ปรับมูลค่าพื้นฐานเป็น 180 บาท เรามีมุมมองเป็นกลางหลังการประชุมนักวิเคราะห์ KBANK จะเปิดเผยเป้าหมายการเงินปี 2025 ในต้นเดือน ก.พ. แต่ย้ำว่าการควบคุมคุณภาพสินเชื่อยังเป็นเป้าหมายหลักเพื่อทำให้ Credit cost กลับเป็นระดับปกติที่ 140-160 bps และเพิ่ม ROE เป็น 2 หลักในปี 2026 แม้เราปรับคาดการณ์กำไรในปี 2025-26 เพิ่มขึ้น 3%/4% จากการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ดีกว่าคาดใน 4Q24 เรายังคงมุมมองว่ากำไรสุทธิจะเติบโตชะลอตัวที่ 5.3%/5.8% ในปี 2025-26 และเรามองว่า ROE จะอยู่ที่ 8.8% ในปี 2025-26 จึงมองว่าเป็นเรื่องท้าทายที่ KBANK จะบรรลุเป้าหมาย ROE เพิ่มเป็น 2 หลักในปี 2026 ด้านกำไรสุทธิใน 4Q24 ออกมาที่ 10 พันล้านบาท (+7.1% YoY, -16% QoQ) โดย NPL ratio ทรงตัวที่ 3.2% และ Coverage ratio เพิ่มเป็น 153.3% **

การประชุมนักวิเคราะห์

• KBANK คาดเศรษฐกิจไทยปี 2025 เติบโต 2.4% ชะลอตัวจากโต 2.6% ในปี 2024 เนื่องจากการเติบโตชะลอตัวในภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชนและการส่งออก โดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งเหลือ 1.75% สิ้นปี 2025

• ธนาคารจะเปิดเผยเป้าหมายการเงินปี 2025 ในต้นเดือน ก.พ. อย่างไรก็ดี ยังตอกย้ำการดูแลคุณภาพสินเชื่อเป็นเป้าหมายหลักทำให้ Credit costs ปรับลดลงระดับปกติที่ 140-160 bps โดยมองว่า Coverage ratio ที่ระดับ 150% เหมาะสม และมี Management overay ที่ 15-18% ของค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดจะเกิดขึ้นทั้งหมด

• ในปี 2025 KBANK คาดว่าแผนการดูแลคุณภาพสินเชื่อ เช่น การขายหนี้เสียและตัดจำหน่ายหนี้สูญฯ มีมูลค่าใกล้เคียงกับในปี 2024 รวมกันราว 52 พันลบ. ทั้งนี้ ยังไม่ได้ให้รายละเอียดของแผนในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ หลังจากที่ล่าสุดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บมจ. บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ที่จะเน้นการซื้อ และบริหารสินทรัพย์ที่มีหลักประกันเป็นหลัก

• KBANK ยังคงระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยทำให้ Mortgage rejection ratio ระดับสูงที่ 40-45%

ปรับลด Cost to income ratio จากควบคุมค่าใช้จ่ายดีขึ้น

• ภายใต้การเติบโตที่จำกัดของสินเชื่อ ทำให้การดูแลคุณภาพสินเชื่อเพื่อลดสำรองหนี้ฯ และควบคุมค่าใช้จ่ายเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาการเติบโตของกำไร และ KBANK ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีในปี 2024 เราปรับลด Cost to income ratio ลง ราว 1.5% เหลือ 45.7%/45.8% ในปี 2025-26

• เราปรับคาดการณ์กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นราว 3%/4% ในปี 2025-26 อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองว่ากำไรสุทธิจะเติบโตชะลอตัวลงที่ 5.3%/5.8% ในปี 2025-26 ขณะที่ ROE มีแนวโน้มทรงตัวที่ 8.8% ในปี 2025-26 เรามองว่าการเพิ่ม ROE เป็น 2 หลักยังเป็นสิ่งท้าทายภายใต้แนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก

แนะนำ "ซื้อ" ปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานเป็น 180 บาท

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานที่ 180 บาท (เดิม 178 บาท) คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 8.8%, TG 2%) อิงจาก 0.72x PBV’25E หรือ -0.5SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี