CENTEL (BUY : Fair Price : Bt 48.20) : คาดกำไรปกติกลับมาฟื้นตัวใน 4Q24
คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานปี 2025 ที่ 48.20 บาท กำไรปกติใน 3Q24 อยู่ที่ 163 ล้านบาท (+121% YoY, -3% QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราคาด แต่สูงกว่าที่ตลาดคาด 18% โดยกำไรปรับตัวดีขึ้นจากรายได้ต่อห้องพักรวม (RevPar) ที่เติบโต YoY ในขณะที่เรามีมุมมองเป็นบวกต่อกำไรใน 4Q24 ด้วยแนวโน้มเติบโต QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ถึงแม้มีโอกาสอ่อนตัว YoY ด้วยค่าใช้จ่ายโรงแรมเปิดใหม่ที่สูงขึ้น และโรงแรมเดิมที่อย่ระหว่างปรับปรุง 2 แห่งคาดให้บริการได้บางส่วนในปลายปี 2024 อย่างไรก็ตามในปี 2025 เราเห็นแนวโน้มที่ดีของธุรกิจหลัก หนุนด้วยการเติบโตของนักท่องเที่ยว และ RevPar ที่คาดสูงขึ้น จากการปรับอัตราค่าที่พักให้เหมาะสมกับโรงแรมที่ได้รับการปรับปรุงในปี 2024
กำไรปกติใน 3Q24 เติบโต YoY แต่อ่อนตัว QoQ
• กำไรปกติใน 3Q24 รายงานอยู่ที่ 163 ล้านบาท (+121% YoY, -3% QoQ) หนุนจาก RevPar ที่ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 3,429 บาทต่อห้องพัก (+7% YoY, -7% QoQ) โดยเติบโตทั้งในประเทศไทย (+4% YoY) และญี่ปุ่นจากฐานต่ำ (+35% YoY) แม้อัตราเข้าพักรวม (Occupancy) ทรงตัวที่ 69%
• อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ทรงตัวอยู่ที่ 40% (-1.1 ppts YoY, -0.4 ppts QoQ) ตามปัจจัยฤดูกาล และค่าใช้จ่ายโรงแรมเปิดใหม่ราว 11 ล้านบาท
• ธุรกิจร้านอาหารเติบโตใน 3Q24 โดยรายได้ต่อสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น +2% YoY โดยเฉพาะในส่วนของแบรนด์ โดยมี EBITDA Margin ที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 22% (+4 ppts YoY, +4 ppts QoQ) จากประสิทธิภาพการดำเนินงานที่มากขึ้น หลัง ทยอยลดสาขาที่ไม่ทำกำไรตั้งแต่ใน 1H24
แนวโน้ม 4Q24 กำไรเติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาล แต่อ่อนตัว YoY
เรามองว่าถึงแม้จะมีภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นกดดันให้กำไรปกติอ่อนตัว YoY เนื่องจาก 1) ค่าใช้จ่ายรับรู้ช่วงแรกของโรงแรมใหม่ 2 แห่งที่มัลดิฟส์ (Centara Mirage Lagoon Maldives และ Centara Grand Lagoon) มีค่าใช้จ่ายและผลขาดทุนใน 4Q24 และปี 2025 ประมาณ 2.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ (มูลค่ารวมอยู่ที่ราว 150-200 ล้านบาท) และ 2) โรงแรม Centara Karon และ Centara Grand Mirage Beach Resort Pattaya ที่ยังปรับปรุงห้องพักบางส่วนจนถึงเดือนธันวาคม แต่เรายังคงมองว่ากำไรปกติ 4Q24 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยตามปัจจัยฤดูกาลในประเทศไทย และมัลดีฟส์
รายได้ปี 2025 คาดเติบโตจากธุรกิจหลัก
แม้ว่าปี 2025 จะมีความท้าทายด้วย 1) การปรับปรุงโรงแรม 2 แห่ง (Centara Krabi และ Centara Grand Hua Hin) และ 2) นักท่องเที่ยวจีนที่อาจโตแบบชะลอจากปัญหาเศรษฐกิจ แต่กำไรปกติมีโอกาสเติบโตได้ดีจากธุรกิจหลักด้วย 1) RevPar ที่สูงขึ้นหลังปรับอัตราค่าที่พัก (ARR) ให้เหมาะสมกับโรงแรมที่ปรับปรุงแล้วเสร็จในปี 2024 2) โรงแรมเปิดใหม่มัลดีฟส์ และญี่ปุ่นที่สามารถรับรู้รายได้มากขึ้น และ 3) คาดการนักท่องเที่ยวโต โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้าที่ 40 ล้านคน (+14% YoY)
คงคำแนะนำ “ซื้อ” Valuation ถูก และ Upside gain สูง 28%
คงมูลค่าพื้นฐานปี 2025 ที่ 48.2 บาท และมี Upside gain สูง 28% คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC 7% และ TG 3% โดยมีภาระดอกเบี้ยต่อเงินทุน (IBD/E) ที่ต่ำ 0.9x และมูลค่าซื้อขายน่าสนใจ EV/EBITDA ที่ 10x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ 16x บน Bloomberg Consensus