AH (HOLD : Fair Price : Bt 18.70) : รอฟื้นตัว 3Q25

Published
Share this article:

**เราปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” เพราะระยะสั้นยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามามากนัก เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมอย่างมาก รวมถึงการเข้ามาของรถยนต์ EV ที่แม้จะมีคำสั่งซื้อมาแล้ว แต่มูลค่ายังไม่มากนักเพราะค่ายจีนอยู่ในช่วงต้นของการผลิต โดยผู้บริหารคาดว่าอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวชัดเจนในช่วง 2H25 เป็นต้นไป ด้านคำสั่งซื้อใหม่ที่มีมูลค่าสูงจะเริ่มเข้ามาในปี 26 เป็นต้นไป สำหรับผลประกอบการงวด 3Q24 กำไรสุทธิอยู่ที่ 205 ล้านบาท (-59%YoY,+99%QoQ) ส่วนแนวโน้ม 4Q24 ผู้บริหารคาดว่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยจาก 3Q24 ทำให้เราปรับกำไรทั้งปีลงจากเดิม 19% เหลือเพียง 836 ล้านบาท (-48%YoY) **

**3Q24 กำไรสุทธิ 205 ล้านบาท (-59%YoY,+99%QoQ) **

• AH มีกำไรสุทธิงวด 3Q24 ที่ 205 ล้านบาท (-59%YoY,+99%QoQ) โดยมีรายการพิเศษเป็นขาดทุนประมาณ 7 ล้านบาท จะมีกำไรปกติ 212 ล้านบาท (-51%YoY,+112%QoQ)

• รายได้ที่ 6,530 ลบ. (-14%YoY,+2%QoQ) เทียบกับปีก่อนลดลงในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม แต่ระดับการลดลงน้อยกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ยอดผลิตลดลง 21%YoY เพราะมีรายได้จากธุรกิจที่มาเลเซียเพิ่มขึ้น 15%YoY หลังจากยอดขายในประเทศดี ส่วนเทียบกับ 2Q24 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแม้การผลิตรถยนต์ในไทยจะเพิ่มขึ้น 6%QoQ เพราะรายได้จากโปรตุเกสที่ลดลงถึง 19%QoQ

• อัตรากำไรขั้นต้นที่ 8.8% ลดลงจาก 11.7% ใน 3Q23 ตามฐานรายได้ แต่เพิ่มขึ้นจาก 8.6% ใน 2Q24 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 442 ล้านบาท (-3%YoY,-3%QoQ)

• ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ 80 ล้านบาท (-1%YoY,+61%QoQ) หลังบริษัทร่วมอย่าง พูแรม อาปิโก มีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

• ดอกเบี้ยจ่ายที่ 91 ล้านบาท (-26%YoY,-17%QoQ) หลังมีการคืนเงินกู้ไปกว่า 1400 ล้านบาทจากสิ้นปี 23

4Q24 ยังไม่ฟื้น คำสั่งซื้อใหม่มาปี 26

แนวโน้มช่วง 4Q24 ทางผู้บริหารคาดว่าจะเห็นการชะลอตัวจาก 3Q24 จากการหดตัวของกลุ่มรถกระบะที่ยังคงได้รับแรงกดดันจากปัญหาสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งทางผู้บริหารคาดว่าจะเห็นปัญหาดังกล่าวต่อเนื่องจนถึงกลางปี 25 ก่อนจะเริ่มเห็นการฟื้นในช่วง 3Q25 ขณะที่ในแง่คำสั่งซื้อใหม่ทางผู้บริหารยังคงยืนยันเหมือนรายงานฉบับก่อนที่คาดว่าจะเริ่มเห็นในปี 26 เป็นต้นไป โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานเพื่อรับกับคำสั่งซื้อดังกล่าวสำหรับคำสั่งซื้อจากกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนปัจจุบันมีมูลค่าไม่มากนักเพราะ BYD เพิ่งเริ่มผลิต ขณะที่ฉางอันจะเริ่มปี 25 โดยระยะยาวทาง AH มองว่าด้วยการที่ผู้ผลิตจากจีนมีแผนใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก จะทำให้ AH มีโอกาสรับคำสั่งซื้อเพิ่มได้ในอนาคต

**ปรับกำไรและคำแนะนำลง **

จากแนวโน้ม 4Q24 ที่ผู้บริหารคาดว่าจะอ่อนตัวลงทำให้เราปรับกำไรทั้งปีลงอีก 19% เหลือ 836 ล้านบาท (-48%YoY) สำหรับคำแนะนำการลงทุนด้วยแม้แนวโน้ม 4Q24 ยังดูไม่สดใส ขณะที่เงินปันผลทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 5% (เราคาดจ่ายปันผลทั้งปี 24 ที่ 0.85 บาท/หุ้น โดยจ่ายครึ่งปีแล้ว 0.30 บาท/หุ้น) ทำให้ความน่าสนใจระยะสั้นยังไม่ดีนัก เราจึงปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” แทนและประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 18.7 บาท(6.3XPER’25E) อย่างไรก็ตามระยะยาวหากการผลิตรถไฟฟ้าจากจีนเพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนผลประกอบการให้ฟื้นขึ้นได้