ฺฺBBL (BUY : Fair Price : Bt 172.00) : งบดุลแกร่ง และ Valuation ไม่แพง
**เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 172 บาท ประเมินด้วยวิธี GGM (ROE 8%, Terminal growth 2%) อิงกับ 0.56x PBV’25E แม้มองว่าการเติบโตของกำไรมีแนวโน้มชะลอตัวในปี 2025 เราชอบ BBL (1) งบดุลแข็งแกร่ง (2) Valuation ไม่แพงซื้อขายที่ 0.5x PBV'25E และ PE’25 ที่ 6.4 เท่า และ (3) อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 5-5.2% นอกจากนี้ เรามองว่าการประมาณการของเรามี Upside เพิ่มขึ้นได้ เพราะ (1) Credit cost ของเราเข้มงวดกว่าเป้าหมายของธนาคาร หากธนาคารสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อตามเป้าหมาย NPL ratio ไม่เกิน 3% ดังนั้น มีโอกาสที่เราอาจปรับเพิ่มประมาณการกำไรที่ดีขึ้น และ ROE ปรับขึ้นได้ในอนาคต และ (2) เงินกองทุนที่แข็งแกร่ง เรามองว่า BBL สามารถเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลกลับมาอยู่ในระดับก่อนโควิด 19 ที่ราว 35-39% (2015-2019) ซึ่งสูงกว่าที่เราประมาณการไว้ที่ 32% ในปี 2024-26 ที่เป็นระดับใกล้เคียงกับที่จ่ายในปี 2023 **
การประชุมนักวิเคราะห์
• เศรษฐกิจไทยมีความท้าทายจากปัจจัยในต่างประเทศ ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจมีข้อจำกัดที่ 2.5-3.0% ในปี 2025 และกลยุทธ์หลักในปี 2025 มุ่งเน้น 3 ด้านหลัก (1) Regionalization (2) Digitalization และ (3) Urbanization
• เป้าหมายการเงินปี 2025 (1) สินเชื่อขยายตัว 3-4% (2024: +0.8%) ประกอบด้วย สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่โต 3-5%, สินเชื่อระหว่างประเทศโต 3-5% (รวมการเติบโตสินเชื่อของ PT Bank Permata ในอินโดนีเซีย), สินเชื่อ SME ขนาดเล็กและกลางโต 1-2% และ สินเชื่อผู้บริโภคโต 1-2% และ (2) ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 2.8%-2.9% (2024: 3.06%) บนสมมติฐานอัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับลดลง 1 ครั้ง เหลือ 2% สิ้นปี 2025 จากปัจจุบันที่ 2.25% (3) รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่ Low single digit (2024: +1.8%) จากการเติบโตรายได้ค่าธรรมเนียมในธุรกิจด้านประกัน และธุรกิจการจัดการกองทุน 4) อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้การดำเนินงาน (CIR) ที่ High-40s% (2024: 48%) 5) NPL ratio ที่ 3% (2024: 2.7%) และ 6) Credit cost ที่ 0.9-1.0% ของสินเชื่อรวม (2024: 1.3%)
• ด้วยระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ธนาคารมีเงินกองทุนรวมที่ 20.4% และเงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่ 17% สิ้นปี 2024 เป็นระดับใกล้เคียงกับก่อนการซื้อ PT Bank Permata ในอินโดนีเซีย ในปี 2019 ธนาคารพิจารณาการเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงขึ้น และไม่ได้ตัดโอกาสในการซื้อหุ้นคืนเพื่อการบริหารเงินกองทุนให้มีประสิทธิสูงขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการเพิ่ม ROE เพิ่มขึ้นในอนาคต
ประมาณการกำไรมี Upside จาก Credit cost อาจต่ำกว่าคาด
• เราคาดกำไรสุทธิปี 2025-26 เพิ่มขึ้นราว 3% หนุนจาก (1) งบดุลแข็งแกร่ง ทำให้ BBL สามารถผ่อนคลายสำรองหนี้ฯ ลงได้หลังจากควบคุมภาพสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย และ Coverage ratio สูงถึง 334% สิ้นปี 2024 และ (2) รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิขยายตัว
• สมมติฐาน Credit cost ของเราเข้มงวดกว่าเป้าหมายของธนาคารที่ 1.1% ในปี 2025-26 ดังนั้น ทุก 10 bps ของ Credit cost ที่ลดลงอาจส่งผลให้ประมาณการกำไรของเราในปี 2025-26 เพิ่มขึ้นราว 4.7% และ ROE ปรับสูงขึ้นได้ 37 bps จากราว 8.1-8.2% ในปี 2025-26