กองทุนรวมวายุภักษ์ น่าลงทุนหรือไม่ จองซื้อที่ไหน เมื่อไร?
รวมทุกเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับกองทุนวายุภักษ์
กองทุนวายุภักษ์คืออะไร
กองทุนรวมวายุภักษ์ ก่อตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2546 โดยในวันที่ 27 สิงหาคม 2556 มีการปรับปรุงรูปแบบการบริหารใหม่ ซึ่งในวันที่ 1 ธันวาคม 2556 กองทุนรวมได้เปลี่ยนแปลงเป็น "กองทุนเปิด" เพื่อขยายอายุและปรับโครงสร้างการลงทุนให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์การลงทุนในอนาคตอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันกองทุนวายุภักษ์มี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 3.5 แสนล้านบาท และจะมีการ ระดมทุนเพิ่มอีก 1.5 แสนล้านบาทในปีนี้
วัตถุประสงค์หลักของกองทุนวายุภักษ์
- บริหารจัดการหลักทรัพย์รัฐถือครอง: กองทุนมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
- ลงทุนในกิจการสำคัญของประเทศ: เน้นการลงทุนในกิจการที่จำเป็นต่อเศรษฐกิจ และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อช่วยลดภาระการใช้งบประมาณ
- สนับสนุนการพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุน: เพิ่มทางเลือกในการออมและลงทุนแก่ประชาชนทั่วไป
ความน่าสนใจในการลงทุนกับกองทุนวายุภักษ์
นโยบายการลงทุนที่ชัดเจน
กองทุนวายุภักษ์เน้นการลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีเกณฑ์พิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีการดำเนินธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน นอกจากนี้ยังพิจารณา ESG Rating หรือเกณฑ์การประเมินอื่นที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกองทุน
มี นโยบายการลงทุนทั้งเชิงรุกและเชิงรับ ด้วยความเสี่ยงระดับปานกลางค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนสูงในระยะยาว
การลงทุนแบ่งออกเป็น 3 ประเภท: การลงทุนในหลักทรัพย์สภาพคล่อง, หลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และหลักทรัพย์อื่นๆ โดยสัดส่วนการลงทุน ณ วันที่ 31 สิงหาคม ได้แก่ หุ้นสามัญ 88.36%, พันธบัตร ธปท. 7.01%, ตั๋วเงินคลัง 1.48%
โดย 5 หลักทรัพย์กองทุนวายุภักษ์ลงทุนสูงสุดในตลาดหุ้นไทย ได้แก่ PTT, SCB, TTB, KTB, BCP ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงและศักยภาพสูง
ผลตอบแทนที่คาดหวัง
กองทุนวายุภักษ์มีการแบ่งประเภทผู้ลงทุนออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภท ก. (นักลงทุนทั่วไป) และประเภท ข. (นักลงทุนภาครัฐและกระทรวงการคลัง) ซึ่งมีสิทธิประโยชน์และการคุ้มครองที่แตกต่างกัน
สำหรับนักลงทุนทั่วไป จะได้รับสิทธิในการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยมีอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง 3-9% ต่อปี โดยมีราคาพาร์อยู่ที่ 10 บาท โดย การันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% อ้างอิงจากพันธบัตรระยะยาว และสูงสุด 9% อิงจากอัตราผลตอบแทนของหุ้นที่มีศักยภาพสูง
โดยจะให้ผลตอบแทนในลักษณะของการจ่ายปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกจะเป็นการจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% ต่อปี (หรือ 1.5% หากคิดครึ่งปี) ส่วนครั้งที่ 2 จะจ่ายผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% รวมกับผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (ถ้ามี)
กองทุนวายุภักษ์ มีกลไกการคุ้มครองเงินลงทุนและผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. แต่ไม่ได้ค้ำประกันเงินลงทุน หากมูลค่าทรัพย์สินที่กองทุนเข้าไปลงทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลงอย่างรุนแรง อาจทำให้กลไกคุ้มครองเงินลงทุนไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. อาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนบางส่วนหรือทั้งหมด เช่นเดียวกับผลตอบแทนที่อาจได้รับเงินปันผลต่ำกว่า 3% ต่อปี หรืออาจไม่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเลย
แต่กรณีที่สถานการณ์การลงทุนไม่ได้เลวร้าย นักลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นจนครบระยะเวลาการลงทุนเบื้องต้น 10 ปี จะได้รับเงินลงทุนตั้งต้นคืนทั้งหมด พร้อมกับผลตอบแทนขั้นต่ำและผลตอบแทนส่วนเพิ่มในแต่ละปี
กองทุนวายุภักษ์เหมาะกับใคร
กองทุนวายุภักษ์เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในระยะยาวที่มั่นคงและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจ (คาดการณ์ผลตอบแทน 3-9% ต่อปี) ได้แก่
- นักลงทุนทั่วไปที่ต้องการกระจายความเสี่ยง: กองทุนนี้เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและยั่งยืน ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง
- นักลงทุนที่มีความเสี่ยงปานกลางถึงสูง: ด้วยระดับความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความผันผวนของตลาดได้ในระดับหนึ่ง
- ผู้ที่ต้องการรับผลตอบแทนจากเงินปันผล: กองทุนวายุภักษ์มอบโอกาสในการได้รับเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการรายได้ประจำจากการลงทุน
- นักลงทุนสถาบันและหน่วยงานภาครัฐ: กองทุนนี้เปิดให้หน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงินสามารถเข้าร่วมลงทุนได้ ซึ่งมีสิทธิพิเศษและผลประโยชน์เพิ่มเติม
กองทุนวายุภักษ์จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีเป้าหมายในการลงทุนระยะยาว ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืน พร้อมทั้งยอมรับความเสี่ยงในระดับปานกลางถึงสูงได้
รายละเอียดกองทุนวายุภักษ์ (VAYU1)
- ชื่อกองทุน: กองทุนรวมวายุภักษ์ หนึ่ง (Vayupak Fund 1)
- บริษัทจัดการ: บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ MFC จำกัด (มหาชน)
- ผู้ดูแลผลประโยชน์: ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ประเภทกองทุน: กองทุนเปิดที่มีอายุการลงทุนเบื้องต้น 10 ปี โดยเน้นการลงทุนเชิงรุกและเชิงรับในหลักทรัพย์ที่มีผลตอบแทนดี
- หน่วยลงทุนและประเภทผู้ลงทุน: กองทุนวายุภักษ์เปิดให้ผู้ลงทุนทั่วไปสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ โดยนักลงทุนสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนประเภท ก. ได้ในทุกวันทำการของตลาดหลักทรัพย์ฯ
วิธีการจองซื้อหน่วยลงทุน
กองทุนวายุภักษ์จะเปิดรับจองซื้อหน่วยลงทุนสำหรับ ผู้ลงทุนรายย่อยในวันที่ 16-20 กันยายน 2567 ด้วยมูลค่าการ จองซื้อขั้นต่ำ 1,000 หน่วย หรือ 10,000 บาท โดยการจัดสรรจะใช้วิธี Small Lot First ผู้ลงทุนสามารถติดต่อรับใบจองและหนังสือชี้ชวนได้จากบริษัทจัดการและผู้สนับสนุนการขาย
ช่องทางการจองซื้อสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย
- บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- จองซื้อผ่านโทรศัพท์: 02-686-6100 กด 9
- จองซื้อผ่านสำนักงานสาขา: ได้
- จองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์: ไม่ได้
- บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็ม เอฟ ซี จำกัด (มหาชน)
- จองซื้อผ่านโทรศัพท์: 02-649-2000 กด 0
- จองซื้อผ่านสำนักงานสาขา: ได้
- จองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์: www.mfcfund.com
- ธนาคารกรุงเทพ
- จองซื้อผ่านโทรศัพท์: 1333
- จองซื้อผ่านสำนักงานสาขา: ได้
- จองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์: Mobile Banking ธนาคารกรุงเทพ
- ธนาคารกรุงไทย
- จองซื้อผ่านโทรศัพท์: 02-111-1111
- จองซื้อผ่านสำนักงานสาขา: ได้
- จองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์: www.moneyconnect.krungthai.com หรือ แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
- จองซื้อผ่านโทรศัพท์: 1572
- จองซื้อผ่านสำนักงานสาขา: ได้
- จองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์: แอปพลิเคชัน KMA
- **ธนาคารกสิกรไทย
- จองซื้อผ่านโทรศัพท์: 02-888-8888 ต่อ 869
- จองซื้อผ่านสำนักงานสาขา: ได้
- จองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์: www.kasikornbank.com/kmyinvest
- ธนาคารไทยพาณิชย์
- จองซื้อผ่านโทรศัพท์: 02-777-6784
- จองซื้อผ่านสำนักงานสาขา: ได้
- จองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์: แอปพลิเคชัน SCB EASY
- ธนาคารออมสิน
- จองซื้อผ่านโทรศัพท์: 1115 กด 5
- จองซื้อผ่านสำนักงานสาขา: ไม่ได้
- จองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์: แอปพลิเคชัน MyMo
รับหน่วยลงทุนกองทุนวายุภักษ์อย่างไร
- กรณีไม่มีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์: ฝากไว้ที่บัญชีของผู้ออกหลักทรัพย์ [Issuer account] ที่ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์) แต่จะไม่สามารถซื้อขายในตลาดรองได้ หรือหมายความว่าต้องถือหน่วยลงทุนจนครบอายุ 10 ปี
- กรณีมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์: สามารถ โอนเข้าพอร์ต บล. พาย จำกัด (มหาชน) รหัสสมาชิกผู้ฝากเลขที่ 003 ข้อดีคือสามารถทำการซื้อ-ขาย ในตลาดรองบนกระดาน SET ได้
หากคุณยังไม่มีบัญชีหลักทรัพย์ เปิดบัญชีหลักทรัพย์ที่ Pi Financial App ได้เลย ซื้อ-ขาย ได้ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และกองทุนรวม
คำเตือน- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- ติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัท
- ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต