TU (U.R. : Fair Price : Bt U.R.) : คาด 1Q25 กำไรหด ส่วนภาษีสหรัฐฯ รอประเมิน
เราคาดว่า TU มีปัจจัยลบกดดันระยะสั้นมาก ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มผลประกอบการงวด 1Q25 ที่คาดกำไรสุทธิจะลดลงกว่า 47%YoY จากผลกระทบหลายด้านทั้งการชะลอตัวของกลุ่มอาหารทะเลแปรรูปและผลกระทบตามฤดูกาลของอาหารแข็ง รวมกับค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างบริษัทที่ยังมีเข้ามามาก นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่ประเทศไทยและกลุ่มประเทศในเอเชียที่เป็นฐานผลิตสำคัญของ TU อย่างเวียดนาม และอินเดีย ซึ่ง TU มีรายได้จากสหรัฐฯกว่า 40% ของรายได้รวม ทั้งนี้ผลกระทบเรื่องดังกล่าวทาง TU ยังคงรอผลการเจรจาของภาครัฐฯเสียก่อน ดังนั้นเราจึงอยู่ระหว่างรอความชัดเจนก่อนปรับประมาณการ โดยคาดว่าจะปรับหลังการประกาศงบ 1Q25 ช่วงต้นเดือน พ.ค.
1Q25 คาดกำไรหดเหลือ 611 ล้านบาท (-47%YoY,-50%QoQ)
• เราคาดว่า TU จะมีกำไรสุทธิ 1Q25 เพียง 611 ล้านบาท (-47%YoY, -50%QoQ) ได้รับแรงกดดันหลายด้านทั้งการชะลอตัวของกลุ่มอาหารแปรรูป (Ambient Seafood) และอาหารแช่แข็ง (Frozen Seafood) จากความต้องการบริโภคที่ลดลงและผลกระทบตามฤดูกาลของธุรกิจอาหารแช่แข็ง แม้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจะยังเติบโตได้ แต่ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้เพราะคู่ค้ายังมีปัญหาการจัดหาเรือมารับ
• รายได้คาดที่ 30,474 ล้านบาท (-8%YoY,-13%QoQ) โดยกลุ่มอาหารแปรรูป มีปัจจัยลบนอกจากความต้องการบริโภคที่ลดลงคือราคาปลาทูน่าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ลูกค้าในกลุ่ม OEMs มีการชะลอคำสั่งซื้อไป
• กำไรขั้นต้นคาดที่ 18.4% ดีขึ้นจาก 17.3% ใน 1Q24 แต่ลดลงจาก 18.7% ใน 4Q24 เทียบกับปีก่อนดีขึ้นธุรกิจอาหารแปรรูป ส่วนลดลงจาก 4Q24 ลดลงทุกธุรกิจ ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดที่ 4,541 ล้านบาท (+8%YoY,-8%QoQ) เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการตลาดและที่ปรึกษาในการปรับโครงสร้างที่เริ่มรับรู้มาตั้งแต่ 2Q24 โดยสัดส่วนเทียบกับรายได้จะสูงถึง 14.9% สูงกว่าที่บริษัทเคยคาดไว้ซึ่งเกิดจากรายได้ที่ลดลง ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดที่ 164 ล้านบาท (+3%YoY,+5%QoQ) เติบโตจากบริษัทร่วมที่อินเดีย
ผลกระทบจากการปรับภาษีเพิ่มต้องรอดูการเจรจา
แม้ว่าในช่วง 1Q25 TU คาดว่าจะมีรายได้ลดลง แต่ภาพรวมทั้งปีผู้บริหารยังคงมองถึงการเติบโตตามแผนเดิมที่ระดับ 3-4%YoY อย่างไรก็ตาม การเติบโตดังกล่าวยังไม่ได้รวมถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีของสหรัฐฯที่ประกาศมาเมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสที่ผ่านมา โดยเบื้องต้น TU ยังต้องรอดูผลการเจรจาระหว่างรัฐบาลอีกครั้ง แต่หากอัตราภาษีไม่เปลี่ยนแปลงจะกระทบกับ TU ค่อนข้างมากเนื้องจากรายได้กว่า 40% เป็นยอดขายในสหรัฐฯ (กลุ่มที่โดนสูงสุดคืออาหารทะเลแช่แข็งและอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีสัดส่วนรายได้จากสหรํฐฯกว่า 50% ส่วนกลุ่มอาหารทะเลแปรรูมีสัดส่วนประมาณ 30%) ทั้งนี้ TU มองว่าอุตสาหกรรมอาหารทะเลของสหรัฐฯ กว่า 90% เป็นการนำเข้า โดยการขึ้นภาษีครั้งนี้ประเทศที่ส่งไปส่วนใหญ่จะมาจากเอเชีย ซึ่งถูกปรับภาษีขึ้นหมดจึงจะกระทบกับผู้บริโภคมากกว่า ทำให้อาจจะมีการเจรจาต่อรองกันได้ในอนาคต (กลุ่มอาหารทะเลแปรรูป TU อาจจะมีการนำเข้าจากโรงงานที่กาน่าแทนประเทศไทยที่จะลดผลกระทบลงได้บางส่วน)
ระยะสั้นรอความชัดเจนจากภาษี ก่อนปรับประมาณการ
จากผลกระทบที่ค่อนข้างมากหากมีการใช้อัตราภาษีใหม่ ทำให้เรารอความชัดเจนของผลกระทบก่อนจะปรับประมาณการจากเดิมที่คาดกำไรสุทธิ 5,012 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าหลังผลประกอบการ 1Q25 ออกมาช่วงต้นเดือน พ.ค. จะเห็นความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ระยะสั้น ราคาหุ้น TU มีแรงหนุนจากการปรับเพิ่มวงเงินซื้อคืนหุ้นเป็น 5,000 ล้านบาท (ไม่เกิน 445 ล้านหุ้น ประมาณ 4.49% ของทุนจดทะเบียนจากเดิม 200 ล้านหุ้น)