TU (BUY : Fair Price : Bt U.R.) : คาด 4Q24 ค่าใช้จ่ายกดดันกำไร
เราคาดว่า TU จะมีกำไรสุทธิงวด 4Q24 ที่ 1,016 ล้านบาท (-27%QoQ แต่ดีกว่าที่ขาดทุน 17,170 ล้านบาทใน 4Q23) แต่ถ้าดูเฉพาะกำไรปกติจะอยู่ที่ 1,166 ล้านบาท (-4%YoY,-21%QoQ) โดยได้รับแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นถึง 16%YoY,3%QoQ หลังจากมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างบริษัทเข้ามา แม้ว่าในแง่กำไรขั้นตันยังคงอยู่ในระดับ 19% ก็ตาม สำหรับแนวโน้มในปี 25 เบื้องต้นคาดรายได้ยังคงเติบโตได้ดีจากกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง แต่ในแง่กำไรสุทธิเราอยู่ระหว่างประเมินผลกระทบจากการใช้นโยบาย Global minimum tax ที่จะทำให้ TU ต้องเสียภาษีเพิ่ม ซึ่งเดิมเราคาดกำไรสุทธิที่ 6,121 ล้านบาท
4Q24 คาดกำไรสุทธิ 1,016 ล้านบาท (-27%QoQ)
• เราคาดว่า TU จะมีกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 1,016 ล้านบาท (-27%QoQ) และพลิกจากที่ขาดทุนกว่า 17,000 ล้านบาทใน 4Q23 (ที่ได้รับผลกระทบจากการบันทึกการตัดจำหน่ายเงินลงทุนใน Red Lobster) แต่ถ้าไม่รวมรายการพิเศษที่เป็นผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 150 ล้านบาทจะมีกำไรปกติ 1,166 ล้านบาท (-4%YoY,-20%QoQ) ถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดและค่าปรับโครงสร้างบริษัท
• รายได้คาดที่ 35,840 ล้านบาท ทรงตัวจากทั้ง 3Q24 และ 4Q23 ถ้าเทียบกับ 4Q23 จะเติบโตจากธุรกิจอาหารแปรรูป (Ambient seafood) หลังจากมีการทำการตลาดเพิ่มในช่วงที่ผ่านมา ส่วนเทียบกับ 3Q24 จะเติบโตในกลุ่มอาหารแช่แข็งซึ่งเป็นผลตามฤดูกาลที่มีความต้องการเพิ่มในช่วงเทศกาลปลายปี
• กำไรขั้นต้นคาดที่ 19% ดีขึ้นจาก 18% ใน 4Q23 แต่ลดลงจาก 20% ใน 3Q24 เทียบกับปีก่อนดีขึ้นตามราคาปลาทูน่าและอาหารสัตว์เลี้ยง ส่วนลดลงจาก 3Q24 เนื่องจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดที่ 4,827 ล้านบาท (+16%YoY,+3%QoQ) เพิ่มขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการตลาดและที่ปรึกษาในการปรับโครงสร้างที่เริ่มรับรู้มาตั้งแต่ 2Q24
• ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ 160 ล้านบาท (-42%QoQ) และพลิกจากที่รับรู้ขาดทุน 400 ล้านบาทใน 4Q23 หลังไม่ต้องรวมส่วนแบ่งจาก Red Lobster เข้ามา
• รวมทั้งปีคาดกำไรสุทธิ 4,788 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ 8%
**ปี 25 ยังต้องรอประเมินผลกระทบจาก GMT **
ภาพรวมปี 25 ในแง่รายได้ยังมีปัจจัยบวกจากการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงผ่านบริษัทลูกอย่าง ITC และอาหารกุ้งผ่าน TFM รวมถึงผลดีของอาหารแปรรูปที่ได้รับผลดีต่อเนื่องหลังมีการทำการตลาดมากในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเรายังต้องรอติดตามผลกระทบจากนโยบาย Global Minimum Tax ที่กำหนดให้บริษัทข้ามชาติต้องเสียภาษีในระดับ 15% ทำให้เดิมที่ TU มีอัตราภาษีจ่ายเพียง 7-9% ต้องเสียเพิ่มขึ้น โดยเราจะรอความชัดเจนจากบริษัทอีกครั้งก่อนจะปรับประมาณการ
คงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิมแต่รอความชัดเจนของภาษีก่อน
ภาพรวมระยะยาวเรายังมีมุมมองที่ดีกับ TU ในการเป็นผู้นำในธุรกิจ รวมถึงจะเริ่มเห็นผลดีจากการปรับโครงสร้างบริษัทตามโครงการโซน่าร์และเทลวินด์ เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิมแต่ระยะสั้นอาจจะรอความชัดเจนของผลกระทบจากนโยบาย GMT ก่อนว่าจะกระทบกับประมาณการที่เราประเมินไว้ที่ 6,121 ล้านบาท เป็นจำนวนเท่าใด (ส่วนรายได้เดิมคาดที่ 157,582 ล้านบาท)