STANLY (HOLD : Fair Price : Bt 212.00) : FY2Q25 ถ้าไม่รวมรายการพิเศษกำไรโตแรง
เรายังคงแนะนำเพียง “ถือ” ในระยะยาวเพื่อรับเงินปันผลและรอรับผลดีหากภาคอุตสาหกรรมฟื้นตัวขึ้นมา ซึ่งเรามองว่าด้วยการควบคุมต้นทุนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา เห็นได้จากกำไรขั้นต้นในช่วง FY2Q25 ที่สูงถึง 21% จะทำให้เมื่อถึงวันที่อุตสาหกรรมฟื้นจะเห็นผลประกอบการขยายตัวได้อย่างมาก สำหรับผลประกอบการงวด FY2Q25 มีกำไรสุทธิเหลือ 327 ล้านบาท ได้รับแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายในการควบรวมโรงงานเข้ามารวมกันกว่า 250 ล้านบาท หากไม่รวมรายการดังกล่าวและผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรปกติจะสูงถึง 606 ล้านบาท (+25%YoY,+83%QoQ) เป็นผลจากการควบคุมต้นทุนและทำให้กำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูงตามทีกล่าวไปข้างต้น แม้ว่าในส่วนของรายได้จะลดลง 14%YoY ตามอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว
**FY2Q25 กำไรสุทธิ 327 ล้านบาท (-34%YoY,+6%QoQ) **
• STANLY มีกำไรสุทธิงวด FY2Q25 (ก.ค.-ก.ย. 24) ที่ 327 ล้านบาท (-34%YoY,+6%QoQ) โดยมีค่าใช้จ่ายจากการตัดบัญชีและด้อยค่าของเครื่องจักรที่เกิดจากการควบรวมโรงงานมูลค่ารวมกันกว่า 250 ล้านบาท (แบ่งเป็นด้อยค่าสินทรัพย์ 218 ล้านบาท และการตัดสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งาน 30 ล้านบาทอยู่ในค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร) ถ้าไม่รวมรายการดังกล่าวและผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 31 ล้านบาท จะมีกำไรสุทธิที่ 606 ล้านบาท (+25%YoY, +83%QoQ) ซึ่งเกิดจากผลดีของการควบคุมต้นทุนที่เริ่มมาตั้งแต่ FY3Q24 ทำให้กำไรขั้นต้นสูงถึง 21%
• รายได้ 3,231 ล้านบาท (-14%YoY,+8%QoQ) เทียบกับปีก่อนลดลงตามอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว ส่วนเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้นจากผลดีของการผลิตรถยนต์ฟื้นตัว
• กำไรขั้นต้นที่ 21% ดีขึ้นจาก 16.3% ใน FY2Q24 และ 18.4% ใน FY1Q25 เกิดจากผลดีของการควบคุมต้นทุนที่เข้มงวด ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 323 ล้านบาท (+15%YoY,+5%QoQ) เพราะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการควบรวมโรงงานเข้ามาข้างต้น
• ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ 105 ล้านบาท (+20%YoY,+12%QoQ) รายได้อื่น 173 ล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 292%QoQ เพราะมีเงินปันผลรับเข้ามา (FY1Q25 ไม่มีรายได้ส่วนนี้)
การปรับโครงสร้างจะทำให้ GPM ช่วง FY2H25 ยืนสูงต่อ
จากมีการตัดสินใจควบรวมโรงงานครั้งใหญ่นี้ (จาก 5 โรงงานเหลือ 3 โรงงาน) ทางผู้บริหารคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนลงได้อย่างมาก เช่นค่าใช้จ่ายพนักงานส่วนทับซ้อน ค่าสาธารณูปโภค และค่าเสื่อมราคา ทำให้หากในช่วงที่เหลือของปี (FY2H25) อุตสาหกรรมยานยนต์ยังไม่ฟื้นตัว ในแง่ของความสามารถในการทำกำไรของ STANLY จะยังคงยืนสูงในระดับ 19-21% ได้ ด้านการหารายได้ยังคงมองที่สินค้าในกลุ่มแม่พิมพ์ที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มยานยนต์น้อยกว่างานโคมไฟ
แนะนำลงทุนระยะกลาง-ยาว
กำไรสุทธิที่ออกมาหากไม่นับรายการพิเศษจะคิดเป็นสัดส่วนกว่า 65% ของกำไรทั้งปีที่เราคาดไว้ที่ 1,444 ล้านบาท เมื่อรวมกับผลดีจากการรวมโรงงานที่จะช่วยรักษาระดับกำไรขั้นต้นที่ยังอยู่ในระดับสูงได้ ทำให้เราปรับกำไรทั้งปีขึ้นจากเดิม 13% มาอยู่ที่ 1,628 ล้านบาท (-7%YoY) แม้จะปรับรายได้ลงอีกครั้งมาอยู่ที่ 12,521 ล้านบาท (-13%YoY) เพื่อสะท้อนถึงเป้าการผลิตรถยนต์ที่คาดว่าจะไม่ถึง 1.66 ล้านคันตามที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ด้วยการเป็นบริษัทผู้นำในอุตสาหกรรมไฟรถยนต์ ทำให้หากในอนาคตอุตสาหกรรมฟื้นตัว เราจะเห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิได้อย่างมากดังนั้นเราจึงแนะนำลงทุนระยะกลาง-ยาวเป็นหลักโดยประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 212 บาท (10.5XPER’25E)