KKP (SELL : Fair Price : Bt 38.00) : งบดุลที่อ่อนแอกดดันการฟื้นตัว

Published
Share this article:

**เราปรับคำแนะนำเป็น "ขาย" และปรับลดมูลค่าพื้นฐานเหลือ 38 บาท KKP รายงานกำไรสุทธิใน 2Q24 อ่อนแอที่ 769 ล้านบาท (-45.4% YoY, -49% QoQ) และงบดุลอ่อนลง โดย NPL ratio ปรับขึ้นเป็น 4.1% และ Coverage ratio ลดลงที่ 136.5% ด้วยปัจจัยที่ท้าทายทางเศรษฐกิจ ตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ภาวะการลงทุนผันผวน และการปรับลดเป้าหมายการเงินในปี 2024 เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิลดลง 31.6%/37.5% ในปี 2024-25 โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ KKP จะปรับลดลง 30.8% YoY ในปี 2024 และลดลง 0.3% ในปี 2025 ก่อนจะฟื้นกลับมาเติบโต 5.9% ในปี 2026 **

ประชุมนักวิเคราะห์

• แม้คุณภาพของสินเชื่อใหม่มีแนวโน้มดีขึัน และคัดกรองลูกค้ามากขึ้นใน 2H24 แต่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเปาะบาง KKP ปรับเป้าหมายการเงินปี 2024 (1) สินเชื่อปรับลดลง 3% (เดิม +3%) (2) Loan spread เหลือ 4.8% (เดิม 5%) (3) NPL ratio เพิ่มเป็น 3.9-4.1% (เดิม 3.5-3.7%) (4) Credit cost ตามเดิมที่ 2.5-2.7% ของสินเชื่อรวม (รวมผลขาดทุนจากการขายรถยึด และ (5) ROAE (Comprehendive income) เหลือ 8-9% (เดิม 10-11%)

• KKP ปฏิเสธไม่มีการปล่อยสินเชื่อให้ บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และไม่มีการลงทุนในหลักทรัพย์ ทั้งหุันและตราสารหนี้ของ EA ดังนั้น จะไม่ได้รับผลกระทบในอนาคต

• การบริหารสต๊อกรถยึดทรงตัว และรถในสต๊อกลดลงเหลือราว 3.8 พันคัน ผลขาดทุนการขายรถยึดต่อคันลดลง ซึ่งเห็นได้จากการรับรู้ผลขาดทุนรถยึดใน 2Q24 ลดลง QoQ จากใน 1Q อย่างไรก็ดี สถานการณ์ยังไม่นิ่งทั้งจากปัญหาเศรษฐกิจ และการแข่งขันจากรถยนต์ไฟฟ้ายังกดดันราคาขายรถยนต์ใช้แล้ว

**คาดการเติบโตของกำไรจะชะลอตัวในปี 2024-25 **

• KKP รายงานกำไรสุทธิเพียง 2.3 พันล้านบาท (-34.9% YoY) ใน 1H24 และเรามองว่าแนวโน้มธุรกิจยังไม่กลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจนใน 2H24 แม้มองว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่มีแรงกดดันจากกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว คุณภาพสินเชื่อเปาะบาง และการแข่งขันจากรถยนต์ไฟฟ้ากดดันราคารถยนต์มือสอง

• เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลดลง 31.6%/37.5% ในปี 2024-25 จาก (1) ปรับลดรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลง 9.2-13.1% และ (2) ปรับลดรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลง 26.8-26.5% ดังนั้น เราคาดการณ์กำไรสุทธิจะปรับลดลง 30.8% ปี 2024 และ 0.3% ปี 2025

• สำหรับใน 2H24 เราคาดว่ากำไรสุทธิจะยังอ่อนแอ โดยคาดว่ากำไรจะปรับลดลงทั้ง YoY และ HoH ที่ราว 1.5 พันล้านบาท

ปรับคำแนะนำเป็น "ขาย" ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 38 บาท

เราปรับคำแนะนำเป็น “ขาย” จาก “ถือ” เนื่องจากมองว่า KKP ยังต้องเผชิญความท้าทายจากตลาดสินเชื่อเช่าซื้อที่ชะลอตัว และคุณภาพสินเชื่ออ่อนแอ ขณะที่ภาวะตลาดทุนที่ไม่แน่นอนจะกดดันรายได้จากธุรกิจตลาดทุน โดยได้ปรับลดมูลค่าพื้นฐานเหลือ 38 บาท (เดิม 49 บาท) ด้วยวิธี GGM (ROE 6%, Terminal growth 2%) อิง 0.5x PBV’24E หรือ -2.0SD ของค่าเฉลี่ย 10 ปี (2014-2023)