HMPRO (BUY : Fair Price : Bt 14.00) : Hybrid store คือคำตอบของการเติบโต
**เราคงมุมมองเชิงบวกต่อ HMPRO และกลุ่มซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน โดยเราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเดือนต.ค. 2024 ขณะที่ภาพระยะกลางเราเชื่อว่า Hybrid store, การขายพร้อมบริการติดตั้ง และ โครงการสินค้าแลกใหม่ จะช่วยหนุนการเติบโตของบริษัท เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 14.00 บาท **
**ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดหวังการฟื้นตัวในช่วง 4Q24 **
• การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ HomePro เดือนต.ค. 2024 ดีขึ้นเป็น -2.0% YoY จาก -5.8% ใน 3Q24 เป็นผลจากการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น โครงการสินค้าเก่าแลกใหม่ รวมถึงฐานต่ำจากปีก่อน ทำให้สาขาในต่างจังหวัดดีขึ้นอย่างมากเป็น -1% แม้ว่าสาขาในกทม. ยังมี SSSG ติดลบราว 4% ซึ่งบางส่วนเป็นผลกระทบจากงานก่อสร้างถนนใกล้สาขาราชพฤกษ์ (ยอดขาย 3% ของยอดขายรวม) ที่จะดำเนินต่อเนื่องไปถึงช่วงเดือน พ.ค. 2025 ขณะที่ SSSG ของ Mega Home พลิก +4.5% ในเดือน ต.ค. 2024 จาก -3.9% ใน 3Q24 รับปัจจัยบวกจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ปัจจัยบวกจากการซ่อมแซมบ้านที่ภาคเหนือ (มีผลต่อ SSSG ภาพรวม 2% ในเดือนต.ค. 2024) และทำเลที่ตั้งสาขาที่ส่วนใหญ่อยู่ในโซนภาคตะวันออกซึ่งได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยว
• ปี2024 มีแผนขยาย 9 สาขา (+7%YoY) เป็น 137 สาขา มากกว่าแผนเดิม 2 สาขา โดยมีแผนเปิด 4 สาขา ใน 4Q24 แบ่งเป็น HomePro 3 สาขาที่ เชียงใหม่ ภูเก็ต แม่สอด (Hybrid store) และ Mega Home (Hybrid store) 1 สาขาที่ ศรีราชา ทำให้สิ้นปี2024 บริษัทมีสาขาทั้งหมด 137 แห่ง (+7%YoY) แบ่งเป็น Home Pro 95 สาขา HomePro S 5 สาขา Mega Home 30 สาขา และ HomePro Malaysia 7 สาขา
ภาพระยะกลางยังโตดีต่อเนื่อง
• เป้าสาขาระยะกลางที่ 170 สาขาในปี2028 จากสิ้นปี 2024 ที่ 137 สาขา หรือราว 5%CAGR ขณะที่ระยะสั้นปี 2025 บริษัทมีแผนเปิด 6-8 สาขา (+6%YoY) โดยเราคาดว่าจะเป็น HomePro 2 สาขา และ Mega Home 5 สาขา โดยราว 4-5 สาขาเป็น Hybrid store
• Hybrid store หรือการรวมกันระหว่าง HomePro และ Mega Home ในทำเลเดียวกัน ข้อดีของ Hybrid store คือ 1) ต้นทุนการขยายสาขาที่ต่ำกว่าสาขารูปแบบปกติราว 30%-40% 2) เป็นการใช้สินทรัพย์เดิมให้เกิดประโยชน์มากขึ้น เนื่องจากมีที่ดินของสาขาเดิมอยู่แล้ว ต้นทุนการดำเนินงานรวมต่อสาขาลดลง (ROA เพิ่ม) และ 3) เพิ่มโอกาสขายสินค้าเนื่องจากมีสินค้าให้เลือกมากขึ้นและมีฐานลูกค้าของสาขาเดิมอยู่แล้ว
• ซึ่งทั้งหมดได้ผ่านการทดลองจากสาขาเปิดในภูเก็ตและขอนแก่นแล้วว่าไม่กระทบยอดขายสาขาเดิม โดยมียอดขายสาขารูปแบบ Hybrid 1 สาขาเท่ากับการเปิดสาขาปกติ 1 สาขา แต่มีต้นทุนการดำเนินงานต่อสาขาต่ำกว่าสาขารูปแบบปกติ (SG&A-to-sales ratio ต่ำกว่าราว 2%-4%)
• โดยเราประเมินว่าการทำ Hybrid store จะช่วยให้บริษัทขยายสาขาได้ง่ายขึ้น เราสมมติฐานการขยายสาขา 7 สาขาต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยแบ่ง 4 สาขาแบบ Hybrid store และ 3 สาขาใน Location ใหม่
คงคำแนะนำ "ซื้อ" Hybrid store หนุนการเติบโต
มูลค่าพื้นฐาน 14.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสงินสด (DCF) ด้วย WACC 8.0% และ TG 2.5% เทียบเท่า 24xPE’25E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านของไทย