Daily Strategy : อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับลงหนุนหุ้นเอเชีย

Published
Share this article:

Market Update :

ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 0.4% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้แรงหนุนจากหุ้น Nvidia พร้อมกับกลุ่มค้าปลีกที่ได้รับความสนใจจากการจับจ่ายตามเทศกาล Black Friday ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1% และร่วงลงมากกว่า 3% ในรอบสัปดาห์นี้หลังคลายกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลาง

Market Outlook :

คืนวันศุกร์ที่ผ่านมามิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สะท้อนจากนักลงทุนคืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2, 10 ปีปรับลงอย่างมีนัยยะและเป็นการปรับลงต่อเนื่อง พร้อมกับการอ่อนค่าของ Dollar index ซึ่งอาจเกิดจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับลงรวมไปถึงคลายกังวลเบื้องต้นเกี่ยวกับสงครามการค้าและช่วยให้ลดความร้อนแรงจากเงินเฟ้อ ล่าสุดความเห็นจาก CME FED Watch กลับมาให้น้ำหนักมากถึง 66% ที่ FED จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมกลางเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้าที่ 55% ซึ่งปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นประเมินเป็นบวกกับตลาดหุ้นฝั่ง EM ที่ก่อนหน้านี้ถูกกระทบจากเงินไหลออกไปยังสหรัฐฯ เพราะมองบวกกับการมาของ Trump ขณะที่ SET INDEX จากจุดสูงสุดก็ปรับลงมาแล้ว 4% เมื่อประกอบกับสถิติหุ้นไทยที่เดือน ธ.ค. มักเป็นบวกด้วยผลตอบแทนเฉลี่ย 2% (ย้อนหลัง 5 ปี) จึงยังคาดหวังการฟื้นตัวจากนี้จนถึงเดือน ม.ค. ตาม January Effect ส่วนสัปดาห์นี้รอติดตามตัวเลขแรงงานสหรัฐฯประกอบไปด้วย (1) ตำแหน่งเปิดรับสมัครงาน (Job Opening) ในคืนวันอังคาร Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 7.49 ล้านตำแหน่ง (2) การจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP ในคืนวันพุธ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.66 แสนราย (3) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในวันพฤหัสบ Bloomberg คาดการณ์ที่ 2.1 แสนราย และสุดท้ายตัวเลขสำคัญได้แก่การจ้างงานนอกภาคเกษตรกับอัตราการว่างงานในวันศุกร์ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.02 แสนรายและ 4.2% ซึ่งเร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ 4.1% เมื่อพิจารณาในองค์รวมแล้วหากแย่กว่าที่คาดการณ์จะเป็นปัจจัยหนุนทั้งตลาดหุ้นและทองคำ ส่วนในประเทศวันศุกร์ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทยได้รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน ต.ค. พบว่าดีขึ้นจากเดือนก่อนหนุนจากรายรับการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องประกอบกับการบริโภคภาคเอกชนที่ดีขึ้นแม้ส่วนนึงอาจเป็นผลจากเงิน 10,000 จากรัฐบาล สอดคล้องกับกิจกรรมการค้าที่เพิ่มขึ้น สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1415 – 1445 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะสะสมเพื่อรอการฟื้นตัวหลังจากนี้เน้นที่หุ้นอิงในประเทศ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR)

**หุ้นแนะนำซื้อวันนี้ : **

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 80.00 บาท)

หลังหักรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 6.2 พันล้านบาท (+45%YoY) ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 9% หนุนจากยอดขายสาขาเดิมของ 7-11 ที่เติบโต 3.3%YoY จากยอดขายกลุ่มอาหารพร้อมทานและ Personal Care ที่เติบโตดี รวมกับการเติบโตของกำไรของ CPAXT จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Makro +1.5% และ Lotus’s +2.3%) ขณะที่เราคาดว่าแนวโน้มกำไร 4Q24 จะเติบโต YoY และ QoQ ต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว

CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 87.00 บาท)

CPN มีกำไรสุทธิงวด 3Q24 ที่ 4,126 ล้านบาทดีกว่าที่เราคาดไว้ 5% โดยทรงตัวจากปีจากผลดีของกำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นหลังจากรายได้จากยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้นได้กว่า 7% แต่ลดลง 9%QoQ มีปัจจัยลบจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามากว่า 340 ล้านบาท และยอดโอนอสังหาริมทรัพย์ลดลง สำหรับแนวโน้มช่วง 4Q24 เรายังมีมุมมองเดิมที่คาดว่าในแง่รายได้จะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง