CK (BUY : Fair Price : Bt 27.40) : Backlog สูงไม่เครียดในการหางานใหม่
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และยังคงเลือกเป็น Top Picks ของกลุ่มก่อสร้าง เพราะเป็นผู้ประกอบการที่มีความมั่นคงด้านรายได้สูงสุดหลังจากมี Backlog กว่า 200,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เห็นการเติบโตของรายได้ไปอีกอย่างน้อย 3-4 ปี แม้ไม่มีงานใหม่เข้ามาเพิ่ม อย่างไรก็ตามในส่วนของงานใหม่เรามองว่ามีโอกาสได้อีกอย่างน้อย 35,000 ล้านบาทจากโครงการ Double Deck ที่คาดว่าจะเซ็นสัญญาได้ในปี 25 สำหรับผลกระทบระยะสั้นหากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทาง CK แจ้งว่ากระทบไม่มากนักเพราะมีการคำนวนเผื่อไว้แล้ว สำหรับผลประกอบการงวด 3Q24 มีกำไรสุทธิ 1,008 ล้านบาท (+57%YoY,+107%QoQ)
**CK อยู่ในช่วงขาขึ้นของรายได้จะพีคในอีก 2-3 ปีข้างหน้า **
• เรามองว่าปัจจุบันเป็นช่วงขาขึ้นของรายได้ของ CK จากผลดีของการเซ็นสัญญางานใหญ่เข้ามาในช่วงปี 23-24 ที่ผ่านมา อย่างเช่นงานเขื่อนหลวงพระบางและงานรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก ที่มีมูลค่างานรวมกันกว่า 209,000 ล้านบาท และทำให้ Backlog ณ ปัจจุบันอยู่สูงถึงระดับ 220,020 ล้านบาท ทำให้รายได้ในปี 24-27 ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปี 26-27 ที่คาดว่าจะเป็นปีที่เห็นรายได้สูงสุดหลังจากงานสายสีส้มเริ่มเดินหน้าก่อสร้างอย่างเต็มที่และเริ่มรับรู้รายได้จากการจัดหาระบบรถสายสีส้ม
• สำหรับงานใหม่ นอกเหนือจากงานภาครัฐที่คาดว่าจะทยอยเปิดในปี 25 เป็นต้นไปอย่างงานรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง รถไฟความเร็วสูงไทยจีนระยะที่ 2 และงานรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ยังมีงานของ AOT อย่างงานขยายสนามบินสุวรรณภูมิฝั่งตะวันออก และสนามบินดอนเมืองเฟส 3 และงานของภาคเอกชนอย่าง Double Deck ของ BEM อีก ซึ่งเรามองว่า CK จะมีโอกาสได้รับงานเพิ่มอีกอย่างแน่นอน โดยเฉพาะงาน Double Deck ที่มีมูลค่ากว่า 35,000 ล้านบาท
**3Q24 กำไรสุทธิทะลุ 1,000 ล้านบาท **
CK มีกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1,008 ล้านบาท (+57%YoY,+107%QoQ) มีปัจจัยบวกหลายประการทั้งการเป็นช่วง High Seasons ของ CKP และ BEM รวมถึงบริษัทหลวงพระบาง พาวเวอร์มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามา รายได้ 9,381 ล้านบาท (+5%YoY,+2%QoQ) เพิ่มจากงานรถไฟฟ้า สายสีม่วงใต้ที่เริ่มขุดอุโมงแล้วกำไรขั้นต้นที่ 7% ลดลงจาก 7.4% ใน 3Q23 และ 7.2% ใน 2Q24 ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ 555 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ 2Q24 แต่เพิ่มขึ้น 4%YoY รวมแล้ว CK มีกำไรจากการดำเนินงาน 103 ล้านบาท (-18%YoY,-9%QoQ)ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่ 1,068 ล้านบาท (+79%YoY,+212%QoQ) การเติบโตมากกว่าคาดมาจากส่วนแบ่งของหลวงพระบาง พาวเวอร์ที่ปกติจะขาดทุนประมาณ 50 ล้านบาทต่อไตรมาส แต่ไตรมาสนี้รับรู้เป็นกำไรมากว่า 311 ล้านบาท
ยังคงแนะนำ “ซื้อ” เพราะดีสุดในกลุ่ม
เราปรับกำไรปี 24 ขึ้นเป็น 1,774 ล้านบาท (+18%YoY) โดยคาดว่าผลประกอบการงวด 4Q24 มีโอกาสเห็นการลดลงจาก 3Q24 หลังไม่มีรายได้เงินปันผลเข้ามา สำหรับคำแนะนำการลงทุน เรายังมองว่า CK เป็นผู้ประกอบการที่ดีสุดในกลุ่มก่อสร้างจากฐาน Backlog ที่อยู่ในระดับสูง เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 27.4 บาท (1.7XPBV’24E)