CBG (BUY : Fair Price : Bt 94.00) : คาดกำไร 4Q24 ทำจุดสูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส

Published
Share this article:

เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ CBG โดยเราเชื่อว่ากลยุทธ์ 10 บาท/ขวด จะผลักดันการเติบโตยอดขายและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง เราประเมินกำไรสุทธิ 4Q24 ทำระดับสูงสุดในรอบ 14 ไตรมาสที่ 820 ล้านบาท (+26%YoY, +11%QoQ) จากยอดขายในประเทศที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังส่วนแบ่งการตลาดพุ่งแตะ 26 ในเดือนธ.ค. 2024 บริษัทยังวางเป้าปี2025 โต 30%YoY จากส่วนแบ่งการตลาดในประเทศที่เพิ่มขึ้นแตะ 29% ยอดขาย ตปท. ที่ฟื้นตัว 10% และยอดขายจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 45% พร้อมแผนลดต้นทุนกระป๋องและขวดแก้ว คาดหนุนอัตรากำไรขั้นต้นสินค้า (GPM Branded own) เพิ่มราว 100 bps YoY เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 94.00 บาท

คาดกำไร 4Q24 ทำจุดสูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส แม้จ่ายโบนัสพิเศษ

เราประเมินกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 820 ล้านบาท (+26%YoY, +11%QoQ) หนุนจากยอดขายในประเทศที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ 2 พันล้านบาท ผลจากส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศในเชิงปริมาณของคาราบาวที่พุ่งขึ้นแตะ 26% ในเดือนธ.ค. 2024 จาก 23.4% ในเดือน ธ.ค. 2023 ขณะที่ยอดขายในตลาด ตปท. ฟื้นตัว 10% หลังส่งออกไปยังเมียนมาได้มากขึ้น บวกกับยอดขายในกัมพูชาที่ฟื้นตัวได้ดี นอกจากนี้รายได้จัดจำหน่ายสุราข้าวหอมยังทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องตามยอดจัดจำหน่ายที่พุ่งแตะ 39 ล้านขวดใน 4Q24 จาก 28 ล้านขวดใน 4Q23

วางเป้าปี2025 กินส่วนแบ่งการตลาดต่อเนื่อง

บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2025 เติบโต 30% YoY จาก 1) ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่เติบโต 40% YoY จากการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 29.0% ในสิ้นปี2025 จาก 26.0% ในสิ้นปี 2024 ผ่านกลยุทธ์เดิมคือการคงราคาขายปลีก 10 บาท/ขวด, 2) ยอดขายใน ตปท. ที่เติบโต 10% YoY ตามปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นเป็น 800 ล้านกระป๋องในปี2025 จาก 730 ล้านกระป้องในปี2024 โดยคาดหวังยอดขายจากเมียนมาที่ดีขึ้นหลังสามารถเดินเครื่องจักรผลิตในเมียนมาช่วง 3Q25, 3) รายได้จัดจำหน่ายโต 45% YoY จากยอดจัดจำหน่ายสุราข้าวหอมที่ 185 ล้านขวดในปี 2025 จาก 130 ล้านขวดในปี 2024, และ 4) ยอดขายในกลุ่มอื่นๆ ที่เติบโต 10% YoY

เตรียมแผนลดต้นทุนคาดหนุน GPM เพิ่มราว 1%

บริษัทมีแผนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตเพื่อลดต้นทุน โดยการลดขนาดความหนาของกระป๋องลง 0.005 มิลลิเมตร และลดปริมาณน้ำแก้วที่ใช้ต่อขวดลงราว 16 กรัมต่อขวด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยเห็นผลบวกตั้งแต่ช่วง 2Q25 เป็นต้นไป โดยเราประเมินว่าจะสามารถลดต้นทุนได้ราว 100-150 ล้านบาทขึ้นอยู่กับปรัมาณยอดขายแนวโน้มต้นทุนวัตถุดิบสำคัญในปี2025 มีทิศทางลดลงจากปี2024 เช่น ราคาน้ำตาล เศษแก้ว ขณะที่ราคาอลูมิเนียมในช่วง 1Q25 ยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นใกล้เคียง 3Q24 ตามรูปหน้าที่ 4นอกจากนี้บริษัทเตรียมปรับสูตรเพื่อรับมือภาษีความหวานในเดือน เม.ย. 2025 เนื่องจากปัจจุบัน Carabao เสียภาษีความหวานในอัตรา 0.3 บาท/ลิตร (น้ำตาล 7.8 กรัม/100ml) ซึ่งคาดว่าสูตรไม่จะไม่กระทบต่อความนิยมในสินค้า แต่หากมีการเลื่อนหรือยกเลิกการขึ้นภาษี บริษัทจะยังคงใช้สูตรเดิมต่อไป ซึ่งคาดว่าภายใน 1Q25 จะมีความชัดเจนเรื่องนี้มากขึ้น

คำแนะนำ "ซื้อ" ส่วนแบ่งการตลาดมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่อง

มูลค่าพื้นฐาน 94.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC 7.7% และ TG 3% เทียบเท่า 28xPE’25E ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง