BDMS (BUY : Fair Price : Bt 28.00) : รายได้ต่างชาติเติบโต หนุนกำไรสุทธิ 1Q25

Published
Share this article:

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานที่ 28 บาท โดยประกาศกำไรสุทธิ 4Q24 สูงที่ 4.3 พันล้านบาท (+9% YoY, +2% QoQ) หนุนกำไรสุทธิปี 2024 เติบโตอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท (+11% YoY) เป็นไปตามทิศทางเดียวกับที่เราและตลาดคาด สำหรับในปี 2025 คาดกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่องหนุนจาก 1) แผนขยายจำนวนโรงพยบาลและเตียงผู้ป่วย และ 2) การเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยราคาที่อ่อนตัวสะท้อนความกังวลต่อนโยบายร่วมจ่าย (Co-pay) ทั้งนี้มองว่าเป็นเพียงปัจจัยระยะสั้น และผลกระทบต่อรายได้คาดอยู่ในวงจำกัด ซึ่งผู้บริหารมองอยู่ที่เพียง 1-2% ของรายได้ในปี 2026 ดังนั้นเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ BDMS คาดกำไรสุทธิเติบโต +8% YoY ในปี 2025 ด้วยโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง

กำไรสุทธิ 4Q24 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ

รายงานกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 4.3 พันล้านบาท (+9% YoY, +2% QoQ) หนุนกำไรสุทธิปี 2024 เติบโตอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท (+11% YoY) จาก 1) การเติบโตของโรงพยาบาลต่างจังหวัด 2) การเปิดโรงพยาบาล และศูนย์รักษามะเร็ง ขยายจำนวนเตียงกว่า 113 เตียง และ 3) สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่มียอดค่าใช้จ่ายต่อบิลสูงที่มากขึ้น (+11% YoY) รับอานิสงส์จากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยว

แผนการดำเนินงาน และคาดการเติบโตในปี 2025

• มีกำหนดเปิดโรงพยาบาลใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ Samitivej International Children (111 เตียง) ใน 1Q25, Bangkok Chiangmai (90 เตียง) และ Phayathai Bowin (220 เตียง)

• ผู้บริหารตั้งเป้าขยายรายได้ใน 1H25 สูงขึ้นที่ 7-8% YoY โดยดัน EBITDA Margin อยู่ที่ 24-25% สูงขึ้นกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ +1 ppts

• แนวโน้มการเติบโตของรายได้ใน 1Q25 เติบโต 7% YoY อิงจากข้อมูลเดือน ม.ค.-ก.พ. รายได้จากผู้ป่วยทั้งไทย +5% YoY และต่างชาติโตเด่นสูงกว่า +10% YoY จากการขยายตัวของกลุ่มผู้ป่วยตะวันออกกลาง ประกอบกับรายได้จากการรักษาพยาบาลในประเทศไทยที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่มีรายงานเติบโตราว 7-9% YoY

ผลกระทบจากนโยบายร่วมจ่ายคาดอยู่ในวงจำกัด

รายได้โรงพยาบาล BDMS มีสัดส่วนจากประกันที่เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 37% (+1 ppts YoY) ของรายได้ในปี 2024 ทั้งนี้ประเด็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายประกันร่วมจ่าย (Co-pay) จะยังไม่มีผลกระทบต่อผลประกอบการในปี 2025 เนื่องจากตามนโยบายจะมีผลบังคับร่วมจ่ายเมื่อมีประวัติยอดเบิกค่ารักษาที่สูงเกินความจำเป็นปีต่อปี โดยหากกระทบก็ประเมิณว่าจะอยู่ในวงที่จำกัด โดยทางผู้บริหารคาดมีโอกาสกระทบรายได้ในปี 2026 เพียง 1-2%

ปรับวิธีการประเมิณมูลค่า แต่ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

• คงการประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 28 บาท โดยมีการปรับการคำนวนผ่านวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) แทนวิธีคิดลดเงินปันผล (DDM) เพื่อสะท้อนภาพการเติบโตของกระแสเงินสดในอนาคตได้ดีขึ้น ด้วยสมมติฐาน COE 8% และ TG 4% เทียบเป็น PE ที่ 26x

• BDMS มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และราคาหุ้นที่น่าสนใจซื้อขายที่ EV/EBITDA’25 ที่ 13x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยคู่แข่งที่ 16x และ PE’25 ที่ 22x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีของบริษัทที่ 35x และใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงพยาบาล