BBL (BUY : Fair Price : Bt 168.00) : งบดุลแข็งแกร่ง และ Valuation ไม่แพง
เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับลดมูลค่าพื้นฐานเหลือ 168 บาท สะท้อนความสามารถการทำกำไรลดลง อย่างไรก็ดี BBL มีงบดุลแข็งแกร่งสามารถรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิลง 2-3% ในปี 2025-26 จากการปรับลด NIM ที่ลงล้อกับการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตชะลอตัวที่ 2%/4.3% ในปี 2025-26 ด้าน ROE ปรับลดลงที่ 7.9%/7.8% ในปี 2025-26 จาก 8.1% ในปี 2024 และคาดอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 5.3-5.6% ในปี 2024-26 ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานใน 4Q เราคาดกำไรจะลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาลที่ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้น และรายได้ดอกดเบี้ยลดลง แต่กำไรจะปรับสูงขึ้น YoY จากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็นหลัก
การประชุมนักวิเคราะห์
• BBL คาดเศรษฐกิจไทยอาจเติบโตต่ำกว่าคาดที่ 3% ในปี 2024 ส่วนหนึ่ง เพราะผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่กระทบกับการท่องเที่ยว ที่อยู่อาศัย และภาคการเกษตร ปัจจัยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจมาจาก (1) จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 36 ล้านคน และ (2) การเบิกจ่ายงบประมาณเร่งตัวขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
• เป้าหมายการเงินส่วนใหญ่ปี 2024 (1) การเติบโตสินเชื่อที่ 3-5% ค่อนข้างท้าทาย เกิดจากการชำระคืนหนี้และลูกค้าชะลอการเบิกสินเชื่อ แม้สินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ และต่างประเทศเติบโตได้ (2) NPL ratio ที่ 3.0-3.5% สูงกว่าเป้าหมายที่ราว 3% แต่อยู่ในการควบคุมได้และจะมีการปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้นใน 3Q-4Q24 (3) Credit cost ที่ 1.20-1.25% สูงกว่าเป้าหมายที่ 0.9-1.0% (4) NIM ที่ราว 3% ภายหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ต.ค. เทียบกับเป้าหมายที่ราว 2.8% (5) Cost to income ratio ราว 47-48% ตามเป้าหมายที่ High-40s%
• BBL ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 5-20 bps และลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงทั้งประเภทสะสมทรัพย์และเงินฝากประจำ มีผล 24 ต.ค.
• กรณี บมจ. การบินไทย มีแผนการปรับโครงสร้างหนี้ที่คาดจะมีความชัดเจนมากขึ้นใน 4Q24 หากมีการแปลงหนี้เป็นทุน ทาง BBL ในฐานะเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่จะถือหุ้นไม่เกิน 10% และตั้งสำรองหนี้ฯ เต็มที่แล้ว เราคาดว่าคุณภาพสินเชื่อจะดีขึ้น แต่อาจไม่มีการกลับสำรองหนี้ฯ เป็นรายได้ ซึ่งจะทำให้ NPL ratio ลดลง และ Coverage ratio เพิ่มขึ้น
NIM อ่อนตัวลงกระทบความสามารถทำกำไรลดลง
• การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน ต.ค. และคาดว่าจะปรับลดลงอีก 1 ครั้งในปี 2025 เราปรับลดสมมติฐาน NIM ลงเหลือราว 2.8% ในปี 2025-26 ซึ่งลดลงราว 20 bps จาก 3.0% ในปี 2024 ส่งผลให้เราปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2025-26 ลดลงเล็กน้อยราว 2%
• เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2024 จะเติบโตที่ 5.7% แต่การเติบโตชะลอลงที่ 2%/4.3% ในปี 2025-26 แม้ว่า NIM จะแนวโน้มลดลง ปัจจัยหนุนการเติบโตมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของตลาดทุน และสำรองหนี้ฯ ลดลง
คงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับลดมูลค่าพื้นฐานที่เหลือ 168 บาท
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับลดมูลค่าพื้นฐานลงที่ 168 บาท (จาก 174 บาท) สะท้อนการปรับลดความสามารถการทำกำไรลง ประเมินด้วยวิธี GGM (ROE 7.8%, Terminal growth 2%) อิง 0.55x PBV’25E หรือ -1.0SD ของค่าเฉลีย 10 ปี