KBANK (BUY : Fair Price : Bt159.00) : แนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรที่มั่นคง
คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 159 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 3/23 อยู่ที่ 1.13 หมื่นล้านบาท (+7.1% YoY, +2.6% QoQ) ขณะที่เราปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2023-25 ขึ้น 4%/6%/4% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนถึงอัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ที่ดีกว่าคาด ซึ่งเป็นผลจากดอกเบี้ยขาขึ้น จึงคาดว่าการเติบโตของกำไรในปี 2023-25 จะออกมาแข็งแกร่งกว่าคาดการณ์ของเราที่ 16.5%/14.9%/13.2% ตามลำดับ โดยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/23 จะโต 168% YoY เพราะรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ที่สูงขึ้น และการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่ลดลง แต่อาจลดลง QoQ เพราะค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (OPEX) ที่สูงขึ้น ขณะที่หุ้นมีมูลค่าที่น่าดึงดูด ซื้อขายที่เพียง 0.54x PBV’24E หรือ -1.25SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี
การประชุมนักวิเคราะห์
• GDP ไทยปรับลดเป็น 3% จาก 3.7% เพราะการส่งออกและการใช้จ่ายภาครัฐที่อ่อนแอลง
• ประเด็นสำคัญจากผู้บริหารยังคล้ายกับการประชุมในเดือน ก.ค. ด้วยการเน้นระบายงบดุลในปี 2023 คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะออกมาต่ำกว่าตัวเลขแนวทางที่ 5%-7% ค่อนข้างมาก
• ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญจะยังอยู่ในระดับสูงในปี 2023 (175-200bps) แต่ไม่เกิน 210bps เพื่อเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการระบายงบดุล ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญจะลดลงในปี 2024 และกลับสู่ระดับปกติที่ 140-160bps ในปี 2025 อัตราส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) จะสอดคล้องกับตัวเลขแนวทางผู้บริหารที่ต่ำกว่า 3.25% ในปี 2023
• แม้ค่าธรรมเนียมสุทธิจะปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ -6.9% YoY ในงวด 9 เดือนปี 2023 แต่รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิในปี 2023 จะลดลงเมื่อเทียบกับตัวเลขแนวทางการเติบโตที่ทรงตัว ด้านอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (CIR) อยู่ในกรอบ 40% ต้นถึงกลาง
• NIM ในปี 2023 จะสูงกว่าตัวเลขแนวทางผู้บริหารที่ 3.3%-3.45% (3.8% สำหรับงวด 9 เดือน) KBANK ให้แนวทางอัตราส่วนผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่เลขหลักสิบในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรที่มั่นคง
• เพื่อสะท้อนถึง NIM ที่ดีกว่าคาดในไตรมาส 3/23 และกำไรที่อาจเกิดขึ้นจากการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงหลัง เราจึงปรับเพิ่มสมมติฐาน NIM ปี 2023-25 ขึ้น 8/18/12 bps และปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปีดังกล่าวขึ้น 4%/6%/4% ตามลำดับ
• เราคาดว่ากำไรสุทธิของ KBANK จะกลับมาโต 16.5% ในปี 2023 และโตต่อเนื่อง 14.9%-13.2% ในปี 2024-25 ตามลำดับ
คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 159 บาท
เราปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐานขึ้นเป็น 159 บาท (จาก 154 บาท) หลังปรับปีฐานเป็นปี 2024 คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 8.8%, TG 2%) มูลค่าพื้นฐานอิง 0.7x PBV’24E หรือ -1.0SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี คำแนะนำซื้อของเราะสะท้อน 1) แนวโน้มการเติบโตของกำไรที่มั่นคงมากขึ้นในปี 2023-25 2) ROE ขาขึ้น 3) ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงหลังระบายงบดุลเสร็จในปี 2024 และ 4) มูลค่าหุ้นที่น่าดึงดูด