สัญญาณอันตราย แบงก์สหรัฐฯ ตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้น
สำรวจผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคารสหรัฐฯ ไตรมาส 3/2024 ดูการตั้งสำรองหนี้เสียของธนาคารใหญ่ที่สุด 8 แห่ง ได้แก่ JPMorgan Chase (JPM), Bank of America (BAC), Wells Fargo (WFC), Morgan Stanley (MS), Goldman Sachs (GS), Citigroup (GS) PNC Financial Services Group (PNC) และ U.S. Bancorp (USB) พบว่า ธนาคารส่วนใหญ่มีการตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้น โดยมีประเด็นที่น่าสนใจเป็นดังนี้
- กลุ่มที่พึ่งพารายได้ดอกเบี้ยสุทธิเป็นหลัก รวมถึงมีพอร์ตสินเชื่อรายย่อยและบัตรเครดิต ส่วนใหญ่มีการตั้งสำรองปรับขึ้นเทียบรายปี ได้แก่ JPM, BAC, C, PNC และ USB
- มีเพียง WFC เป็นธนาคารเดียวในกลุ่มพึ่งพารายได้ดอกเบี้ยสุทธิเป็นหลัก ที่ตั้งสำรองลดลงทั้งเทียบรายปีและรายไตรมาสจากคุณภาพสินเชื่อดีขึ้น เนื่องจากตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังไม่ได้รับผลกระทบเหมือนกับสินเชื่อรายย่อยและบัตรเครดิต
- ขณะที่ MS และ GS มีสัดส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเป็นหลัก การตั้งสำรองจึงไม่ได้มีนัยยะต่องบกำไรขาดทุนมากนัก
การตั้งสำรองหนี้เสียเป็นสัญญาณบ่งบอกอะไร
ตามปกติแล้วการตั้งสำรองหนี้เสียของธนาคารขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น คุณภาพสินเชื่อ หรือแนวโน้มความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในอนาคต โดยในที่นี้อาจเป็นไปได้ว่า JPM, BAC, C, PNC และ USB ที่เห็นว่าตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้น เป็นเพราะธนาคารมองถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งยังมีความกังวลว่าอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) และอีกปัจจัยหนึ่งที่เป็นความเสี่ยงคือสินเชื่อรายย่อยของสหรัฐฯ นับรวมทั้งบัตรเครดิตและการผ่อนชำระทั้งหมดในธนาคารพาณิชย์ ปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยล่าสุดอยู่ที่ราว 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามข้อมูลสิ้นสุด ณ วันที่ 9 ต.ค. 2024 ในขณะที่เปอร์เซ็นต์การผิดนัดชำระหนี้ของสินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิตได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่ปี 2022 จนปัจจุบันสัดส่วนดังกล่าวได้สูงกว่าช่วงที่เกิด Covid-19