Nike หดตัวเพราะเศรษฐกิจไม่ดี หรือมีคู่แข่งแรงกว่า?
Nike (NKE: US) รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2024 (งวดบัญชีเดือน มี.ค.-พ.ค. 2024) รายได้อยู่ที่ 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หดตัว 2% YoY โดยเฉพาะยอดขายสินค้ารองเท้า ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้สูงสุด หดตัว 4% YoY พร้อมทั้งให้คาดการณ์แนวโน้มรายได้ไตรมาสปัจจุบัน (งวดบัญชีเดือน มิ.ย.-ส.ค. 2024) ว่าจะหดตัว 10% YoY และคาดว่ารายได้เต็มงบปี 2025 (งวดบัญชีเดือน มิ.ย. 2024-พ.ค. 2025) จะหดตัวราว 5% (Mid-single-digit-percentage)
ยอดขายที่หดตัวลงของ Nike เป็นเพราะปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจ หรือเพราะคู่แข่งหน้าใหม่ตีตลาด และมีหุ้นไหนที่ได้ประโยชน์บ้าง หาคำตอบได้ที่นี่
เทียบการเติบโตของรายได้กลุ่มรองเท้า
หากเทียบการเติบโตของยอดขายเทียบรายปีใน 5 ไตรมาสหลังสุด ระหว่าง Nike เทียบกับคู่แข่ง ซึ่งในที่นี้ได้แก่ On Holding (ONON: US) เจ้าของแบรนด์ On, Deckers Outdoor Corporation (DECK: US) เจ้าของแบรนด์รองเท้า Hoka, Skechers (SKX: US), ASICS (7936: JT) และ Mizuno (8022: JT) พบว่า รายได้ของ Nike มีการเติบโตในอัตราต่ำที่สุดเทียบทั้งกลุ่ม และเริ่มหดตัวใน 2 ไตรมาสล่าสุด
ขณะที่กลุ่มยอดขายเติบโตเด่นเป็น On Holding จากยอดขายแบรนด์ On ที่มาแรง ด้วยการเติบโต 20% YoY ในไตรมาสล่าสุด ตามมาด้วย Deckers อัตราการเติบโตอยู่ที่ 18% YoY และ ASICS ด้วยอัตราการเติบโต 14% YoY
เมื่อดูราคาหุ้นนับตั้งแต่ต้นปีนี้ Nike ปรับลงมาแล้ว -11% เป็นหุ้นที่ผลตอบแทนติดลบเพียงตัวเดียวในกลุ่ม ส่วนหุ้นที่ปรับขึ้นสูงสุดเป็น ASICS +122% และ Mizuno +100% ขณะที่ราคาหุ้น On Holding และ Deckers ปรับขึ้น 45% เท่ากัน
สรุป
จากข้อมูลทั้งแนวโน้มการเติบโตของรายได้และราคาหุ้นในปีนี้ สรุปได้ว่า รายได้ที่หดตัวลงของ Nike เป็นปัจจัยจากภาวะการแข่งขันในตลาด สังเกตได้จากรายได้ของคู่แข่งรายอื่นที่ยังมีการเติบโตเทียบรายปีอยู่ในระดับที่สูงกว่า 10% และแบรนด์ใหม่ๆ เช่น On และ Hoka เริ่มทำตลาดเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้นในช่วงหลัง อีกทั้งราคาหุ้นของ Nike ยังติดลบอยู่เพียงตัวเดียว ขณะที่ ASICS และ Mizuno ปรับขึ้นไปทำ All-time high ในปีนี้ แต่อย่างไรก็ดี ราคาหุ้น Nike ที่ปรับตัวลงมาหลังออกผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ทำให้ Upside เปิดกว้างขึ้น เป็นโอกาสลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ยังเชื่อมั่นในแบรนด์ว่าจะฟื้นตัวและพลิกกลับมาชนะคู่แข่งได้ในระยะยาว