TTB (HOLD : Fair Price : Bt 2.00) : เงินปันผลสูง แต่การเติบโตไม่เด่น
**เราคงคำแนะนำ “ถือ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานที่ 2.00 บาท โดยมองว่าผลตอบแทนเงินปันผลสูงที่ 7.0-7.5% ในปี 2024-26 เป็นจุดเด่น อย่างไรก็ดี เราคาดว่าอัตราการเติบโตจะชะลอตัวลงในปี 2025-26 เพราะสินเชื่อที่ชะลอตัว และผลกระทบจาก NIM ลดลงล้อกับทิศทางดอกเบี้ยขาลง เราคาดว่ากำไรสุทธิปี 2024 จะเติบโต 12.3% YoY และเติบโตชะลอลงที่ 2.4%/3.7% ในปี 2025-26 สำหรับใน 3Q24 กำไรสุทธิอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท (+10.5% YoY, -2.3% QoQ) คุณภาพสินเชื่อทรงตัว โดยมี NPL ratio เพิ่มเล็กน้อยเป็น 2.7% เพราะฐานสินเชื่อที่ลดลง และ Coverage ratio ลดลงที่ 149.3% **
กำไรสุทธิใน 3Q24 เพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ ตามคาด
• กำไรสุทธิเป็นไปตามคาดที่ 5.2 พันล้าน (+10.5% YoY, -2.3% QoQ) กำไรขยายตัว YoY เนื่องจากผลประโยชน์ทางภาษีเป็นหลักหลังจากที่ใน 3Q23 TTB มีค่าใช้จ่ายทางภาษี 1.1 พันล้านบาท (คิดเป็นอัตราภาษีจ่าย 19.3%) เทียบกับใน 3Q24 ที่มีผลประโยชน์ภาษีที่ 64 ล้านบาท เทียบกับใน 2Q24 กำไรสุทธิลดลง QoQ เพราะรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจากสินเชื่อลดลง และค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้นเล็กน้อย
• NIM ค่อนข้างทรงตัว QoQ ที่ 3.3% (-6 bps YoY) เพราะบริหารผลตอบแทนสินทรัพย์เสี่ยงได้ดี กอปรกับควบคุมต้นทุนการเงินได้มีประสิทธิภาพ ขณะที่ Cost to income ratio (CIR) เพิ่มขึ้น QoQ ที่ 42.4% (+84 bps YoY) พราะรายได้การดำเนินงานลดลง
• สินเชื่ออ่อนแอกว่าที่คาดปรับลดลง 3.4% QoQ ผลจากการปรับลดลงของสินเชื่อหลักในทุกกลุ่ม (สินเชื่อรายย่อย, SME, บริษัทขนาดใหญ่) แม้ว่าสินเชื่อกลุ่มรถแลกเงิน (Cash Your Car) และสินเชื่อบ้านแลกเงิน (Cash Your Home) ขยายตัวตามเป้าหมายส่งผลให้สินเชื่อใน 9M24 ลดลงถึง 5.7% YTD
• ภายใต้สถานการณ์ที่เศรษฐกิจฟื้นตัวเปาะบาง TTB เน้นตั้งรับ หนึ่งในสิ่งสำคัญคือการดูแลคุณภาพสินเชื่อได้ดี โดย NPL ratio อยู่ที่ 2.7% ปรับขึ้นจาก 2.6% ใน 2Q เพราะฐานสินเชื่อที่ลดลงเป็นหลัก ด้าน Stage 2 ratio เพ่มขึ้น QoQ ที่ 8% และอัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ ต่อหนี้เสีย (Coverage ratio) ลดลงที่ 149.3%
คาดกำไรปี 2025-26 เติบโตชะลอตัว
• คาดการณ์กำไรใน 4Q24 จะลดลง QoQ กดดันจากค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล และรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจาก NIM ที่ลดลง ขณะที่กำไรจะทรงตัว YoY
• สินเชื่ออ่อนแอกว่าที่คาดไว้ เราปรับลดเป้าหมายสินเชื่อในปี 2024 ลดลง 4.6% (เดิม -4.3%) แต่คงสินเชื่อทรงตัว YoY ในปี 2025 และเติบโต 1% ในปี 2026 เราคาดว่ากำไรจะเติบโตที่ 12.3% ในปี 2024
• ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นการตั้งรับทำให้สินเชื่อจะยังชะลอตัว กอปรกับกับการกดดันจากส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลง อย่างไรก็ดี TTB ยังมีผลประโยชน์ทางภาษีเหลือ 11.7 พันล้านบาท เราคาดกำไรจะยังเติบโต แต่ในอัตราชะลอตัว โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโต 2.4%/3.7% ในปี 2025-26
คงคำแนะนำ "ถือ" ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 2.00 บาท
คงคำแนะนำ “ถือ” และปรับลดมูลค่าพื้นฐานลงเล็กน้อยเหลือ 2.00 บาท (เดิม 2.10 บาท) ผลจากการปรับลดคาดการณ์สินเชื่ออ่อนแอลง คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 8.8%, TG 2%) อิงจาก 0.80x PBV’25E หรือ -0.5SD ต่อค่าเฉลี่ย 10 ปี