SAWAD (BUY : Fair Price : Bt 37.00) : แนวโน้มกำไรใน 2H24 เติบโตต่อเนื่อง

Published
19 August 2024
Share this article:

**คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 37 บาท ภายใต้เศรษฐกิจฟื้นตัวเปาะบางทำให้ SAWAD เน้นการควบคุมคุณภาพสินเชื่อเพื่อจำกัดความเสี่ยงหนี้เสีย และการขาดทุนรถยึดที่จะไปกดดันภาระสำรองหนี้ฯ สูง อย่างไรก็ดี สินเชื่อจะขยายตัวชะลอลง และรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจนายหน้าประกันชะลอตัวลงตามมา เราปรับลดคาดการณ์กำไรลง 7.7-13% ทำให้คาดว่ากำไรจะเติบโต 5.5-13.9% ในปี 20246 (2023: +11.7%) แม้จะปรับลดคาดการณ์กำไรลดลง เราคาดว่ากำไรใน 2H24 จะเติบโต 4% YoY และ 9% HoH ที่ราว 2.8 พันล้านบาท ด้านกำไรสุทธิใน 2Q24 ออกมาที่ 1.27 พันล้านบาท (+10.4% YoY, +0.3% QoQ) ขณะที่ NPL ratio เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.3% และ Coverage ratio เพิ่มเป็น 66% **

การประชุมนักวิเคราะห์

• สินเชื่อจะขยายตัวสูงขึ้นที่ 5% QoQ ต่อไตรมาสใน 3Q-4Q24 ทำให้สินเชื่อในปี 2024 เติบโตราว 10% จากสินเชื่อจำนำทะเบียนเป็นหลัก ส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ผ่าน SCAP ยังชะลอตัวเพื่อควบคุมคุณภาพสินเชื่อ การเน้นควบคุมคุณภาพสินเชื่อ หากลูกค้าไม่ซื้อประกันสินเชื่อจะไม่ปล่อยสินเชื่อ และปรับลด Loan to value ลงเพื่อลดความเสี่ยง

• SAWAD ใช้วิธียึดรถของลูกค้าเพื่อควบคุม NPL ratio ไม่เกิน 3.5% (2Q24: 3.3%) และลด Stage 2 ratio เหลือ 9-10% (2Q24: 10.8%) สิ้นปี 2024 นอกจากนี้ นโยบายปรับลด Loan to value ที่ปัจจุบันเฉลี่ยราว 40% เพื่อจำกัดการขาดทุนรถยึด โดยคาดว่าการขาดทุนจะลดลงราว 100 ล้านบาท ใน 3Q ทำให้คาดว่า credit cost ที่ 180 bps เพียงพอสำหรับใน 2H24

• ต้นทุนการเงินแนวโน้มทรงตัว และสภาพคล่องมีเพียงพอในการขยายธุรกิจ โดยมีแผนจะขายหุ้นกู้ชุดใหม่ในเดือน ธ.ค. นอกจากนี้ SAWAD มี credit line กับสถาบันการเงินอีกราว 6 พันลบ. (ไม่รวมสินเชื่อจากธนาคารออมสิน)• กรณีคดีความเรื่องการคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกับลูกหนี้จำนวนหนึ่ง SAWAD ยืนยันได้ทำตามกฏหมายถูกต้อง และได้กันสำรองหนี้เต็มจำนวน 100% เรียบร้อยแล้ว

กำไรยังขยายตัวต่อเนื่อง ปรับลดประมาณการกำไร แต่

• การปรับกลยุทธ์เน้นควบคุมคุณภาพสินเชื่อกระทบการขยายสินเชื่อ และรายได้ค่าธรรมเนียมชะลอตัว เราปรับลด (1) สินเชื่อโต 11-12% (เดิม 13-14%) ในปี 2024-26 (2) ลดรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย 8.2-13% จากการชะตัวของรายได้ค่าธรรมในธุรกิจประกันในปี 2024-26 และ (3) เพิ่ม credit cost 15-20 bps ในปี 2024-26

• เราปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิลง 7.7-13% ในปี 2024-26 โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัวที่ 5.5%-13.9% ในปี 2024-26

คงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับลดมูลค่าพื้นฐานเหลือ 37 บาท

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับมูลค่าพื้นฐานลงเหลือ 37 บาท จาก 48 บาท จากการปรับอัตราการเติบโตและความสามารถการทำกำไรลดลง คำนวณด้วยวิธี GGM (ROE 16%, TG 5%) อิงจาก 1.7x PBV’24E และ 10.6x PE’24E