หุ้นอเมริกาตัวเด่น น่าลงทุน จากชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์
เจาะหุ้นอเมริกาตัวเด่น น่าลงทุน จากชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์
การกลับมาของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในเวทีการเมืองอเมริกาหลังได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง อาจสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอีกครั้ง ด้วยนโยบายที่ทรัมป์เคยผลักดันในอดีตที่มุ่งเน้นการเติบโตเศรษฐกิจในสหรัฐเป็นหลักที่น่าจะนำกลับมาใช้อีกครั้ง หากเขาสามารถผลักดันนโยบายตามแนวทางที่เคยแสดงออก จะทำให้บริษัทหลายแห่งในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้รับผลประโยชน์โดยตรง มาดูกลุ่มหุ้นเด่นที่ควรจับตา
นโยบายด้านความมั่นคง: มุ่งเน้นการปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติด
นโยบายของทรัมป์เน้นการปราบปรามอาชญากรรมและการค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลให้ บริษัทในภาคส่วนเรือนจำเอกชนอย่าง GEO Group (+35.15% YTD) ได้รับประโยชน์โดยตรง รัฐบาลที่เข้มงวดกับการบังคับใช้กฎหมายอาจเพิ่มงบประมาณในการควบคุมตัวผู้กระทำผิดและเพิ่มความต้องการสถานที่คุมขัง ส่งผลให้บริษัทเหล่านี้มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง นโยบายด้านความมั่นคงที่ชัดเจนนี้ยังช่วยเสริมสร้างความปลอดภัยภายในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสำคัญ
นโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐาน: พลังงานเป็นหัวใจหลักของการพัฒนา
ทรัมป์ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพลังงานในประเทศ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการกระตุ้นเศรษฐกิจ บริษัทในภาคพลังงาน เช่น Exxon Mobil (XOM) (+3.70% YTD), Chevron (CVX) (+6.53% YTD), และ ConocoPhillips (COP) (+10.34% YTD) มีแนวโน้มเติบโตจากนโยบายสนับสนุนการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศ อีกทั้งการลดข้อจำกัดการส่งออกก๊าซธรรมชาติจะช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันระดับโลก หากทรัมป์สามารถผลักดันนโยบายพลังงานให้กลับมา กลุ่มนี้จะเป็นตัวเต็งที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
นโยบายด้านการเงิน: ผ่อนคลายกฎระเบียบเพื่อสนับสนุนธุรกิจ
ทรัมป์เคยสนับสนุนการผ่อนคลายกฎหมายควบคุมสถาบันการเงิน เช่น การยกเลิกบางส่วนของกฎหมาย Dodd-Frank ซึ่งเน้นควบคุมธนาคารอย่างเข้มงวดในช่วงหลังวิกฤติ Subprime การลดความเข้มงวดในกฎเกณฑ์ช่วยให้ธุรกิจธนาคาร เช่น JPMorgan Chase & Co (JPM) (+10.09% YTD), Goldman Sachs (GS) (+13.65% YTD) มีความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น หากนโยบายด้านการเงินนี้ถูกนำกลับมาใช้ โอกาสการเติบโตของกลุ่มสถาบันการเงินจะยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
นโบายด้านภาษี: ลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
การลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% เหลือ 20% หรือแม้แต่ 15% ตามเป้าหมายที่ทรัมป์ตั้งไว้ จะส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ในประเทศสามารถสร้างผลกำไรได้มากขึ้น บริษัทเทคโนโลยี เช่น Intel (INTC) (+12.34% YTD) และ Texas Instruments (TXN) (+3.38% YTD) จะได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลง เช่นเดียวกับ Ford (F) (+6.88% YTD) ในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สามารถเพิ่มการแข่งขันในตลาดได้ การลดภาษีไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มกำไรให้กับบริษัท แต่ยังเป็นการกระตุ้นการลงทุนในประเทศในระยะยาว
สนับสนุนบริษัทที่มีความใกล้ชิดกับทรัมป์
Tesla (TSLA) (+12.05% YTD) เป็นตัวอย่างของบริษัทที่ได้รับแรงสนับสนุนโดยตรงจากนโยบายทรัมป์ อีลอน มัสก์ ซึ่งสนับสนุนทรัมป์ในช่วงการเลือกตั้ง อาจเห็น Tesla ได้รับผลดีจากนโยบายการปกป้องตลาดในประเทศ เช่น การเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่ช่วยลดการแข่งขันจากรถยนต์ไฟฟ้าจีนในตลาดสหรัฐฯ รวมถึงการลดการสนับสนุนด้านเงินอุดหนุนพลังงานทางเลือกที่ส่งผลต่อคู่แข่งรายเล็ก ๆ ในภาค EV
นโบายด้านสุขภาพ: การปรับปรุงโอบามาแคร์
ทรัมป์สัญญาว่าจะปรับเปลี่ยนนโยบายโอบามาแคร์ให้เหมาะสมและคุ้มค่ายิ่งขึ้น บริษัทด้านสุขภาพ เช่น Humana (HUM) (+8.32% YTD) และ UnitedHealth (UNH) (+5.99% YTD) มีแนวโน้มได้รับผลบวกจากการเปลี่ยนแปลงนี้ การมุ่งเน้นให้คนอเมริกันสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีกว่าเดิมจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับบริษัทในกลุ่มนี้
ชัยชนะของทรัมป์อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับเศรษฐกิจและตลาดหุ้น นโยบายด้านความมั่นคง พลังงาน การเงิน ภาษี และสุขภาพ ล้วนแล้วแต่ส่งผลดีต่อบริษัทในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง นักลงทุนที่มองหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนควรพิจารณาหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ ซึ่งมีศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งและได้รับการสนับสนุนจากแนวทางการบริหารของทรัมป์
ลงทุน หุ้นสหรัฐ ที่คาดว่าน่าจะได้รับประโยชน์จากโดนัลด์ ทรัมป์ และหุ้นสหรัฐตัวอื่นๆ ได้แล้ววันนี้ที่ Pi Financial
คำเตือน- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- ผลตอบแทนในอดีตของกองทุนรวมมิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- ข้อมูล ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567