12 หุ้นธนาคารไทย ขุมทรัพย์หุ้นน่าลงทุน เติบโตแข็งแกร่ง ปันผลสูง
12 หุ้นธนาคารไทย ขุมทรัพย์หุ้นน่าลงทุน เติบโตแข็งแกร่ง ปันผลสูง
หุ้นธนาคารในประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจและเป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนที่มองหาความมั่นคงทางการเงินและผลตอบแทนจากเงินปันผลในระยะยาว เนื่องจากสถาบันการเงินบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีช่องทางการสร้างรายได้ที่หลากหลาย ทำให้มีการเติบโตที่แข็งแกร่งและการจ่ายเงินปันผลที่สม่ำเสมอ นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเทคโนโลยีการเงิน (FinTech) พร้อมเทรนด์การเติบโตของเทคโนโลยีด้านการเงิน อย่าง Blockchian, Virtual Bank และ Digital Wallets ยิ่งทำให้อนาคตของหุ้นกลุ่มธนาคารดูสดใสกว่าที่เคย Pi Knowledge จะพาคุณไปสำรวจว่าทำไมหุ้นธนาคารจึงเป็นขุมทรัพย์ที่น่าลงทุนในระยะยาว
ทำไมหุ้นธนาคารถึงน่าลงทุน?
1. ภาคเอกชนต้องการสินเชื่อเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
แม้หนี้เสียจากสินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อบ้านจะพุ่งสูงขึ้นในอัตราที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิทัศน์ของตลาดรถยนต์ที่มีรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles, EV) เข้ามาเป็นผู้เล่นสำคัญ อุปทานของตลาดที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่เริ่มมีมากเกินไป (Oversupply) และกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลงโดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย แต่เศรษฐกิจไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้สถาบันการเงินต่าง ๆ เช่น ธนาคารพาณิชย์มีบทบาทสำคัญในการจัดหาสินเชื่อและการบริการทางการเงินต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้รายได้และกำไรของธนาคารมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยผลักดันการเติบโตของธนาคาร
2. ความมั่นคงและการบริหารจัดการความเสี่ยง
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้หุ้นธนาคารเป็นที่นิยมคือนักลงทุนมองว่าธนาคารมีความมั่นคงสูงและมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ในประเทศไทยมีโครงสร้างการบริหารจัดการที่ดี มีการตรวจสอบและบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด ทำให้นักลงทุนมั่นใจในความปลอดภัยของการลงทุน
3. หุ้นธนาคารมักจ่ายปันผลสูง
สำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผล หุ้นธนาคารถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยมักมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงและสม่ำเสมอ โดยเฉลี่ยแล้ว หุ้นธนาคารมักมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) อยู่ที่ประมาณ 2% - 5% ต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากกำไรที่คงที่และการดำเนินธุรกิจที่มั่นคง การได้รับเงินปันผลนี้ช่วยสร้างรายได้ประจำให้แก่นักลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการถือหุ้นในระยะยาว
เคล็ดไม่ลับการลงทุนในหุ้นธนาคาร
- ศึกษาแนวโน้มเศรษฐกิจ: การลงทุนในหุ้นธนาคารควรพิจารณาภาวะเศรษฐกิจโดยรวม เช่น การขยายตัวของ GDP มีผลให้ความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น หุ้นธนาคารก็มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นเช่นกัน เป็นต้น
- ดูผลประกอบการของธนาคาร: ควรตรวจสอบกำไรสุทธิ, สินทรัพย์รวม, อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ หนี้เสีย (NPL)
- ติดตามข่าวสารการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ: ธนาคารมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบทางการเงิน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อกำไรของธนาคาร
รวม 12 หุ้นธนาคารในประเทศไทย
- BAY (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา): ธนาคารพาณิชย์ที่เน้นให้บริการด้านสินเชื่อบุคคล สินเชื่อรถยนต์ และธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ มีเครือข่ายสาขาทั่วประเทศ
- BBL (ธนาคารกรุงเทพ): หนึ่งในธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เน้นการให้บริการแก่ธุรกิจขนาดใหญ่และมีความมั่นคงทางการเงินสูง
- CIMBT (ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย): สาขาของกลุ่ม CIMB ในประเทศไทย มุ่งเน้นให้บริการการเงินครบวงจร ทั้งสินเชื่อ การลงทุน และการบริหารจัดการความมั่งคั่ง
- CREDIT (ธนาคารไทยเครดิต): หุ้นธนาคารน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2567 เติบโตมาจากผู้ให้บริการสินเชื่อและประกันภัยที่เน้นสินเชื่อรถยนต์และมอเตอร์ไซค์
- KBANK (ธนาคารกสิกรไทย): ธนาคารที่เน้นนวัตกรรมทางการเงินและบริการดิจิทัล โดดเด่นในเรื่องสินเชื่อธุรกิจและการพัฒนาบริการสำหรับลูกค้ารายย่อย
- KKP (ธนาคารเกียรตินาคินภัทร): ธนาคารที่มีจุดแข็งในด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยและการลงทุน พร้อมให้บริการทางการเงินที่ครอบคลุม
- KTB (ธนาคารกรุงไทย): ธนาคารที่ให้บริการแก่ภาครัฐและลูกค้ารายย่อย มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนโครงการของภาครัฐ
- LHFG (ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์): ธนาคารที่เน้นการให้บริการสินเชื่อสำหรับที่อยู่อาศัยและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีจุดแข็งในด้านการบริหารสินเชื่อบ้าน
- SCB (ธนาคารไทยพาณิชย์): หนึ่งในธนาคารใหญ่ของประเทศไทย มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีในการให้บริการและการลงทุนในธุรกิจดิจิทัล
- TCAP (ทุนธนชาต): บริษัทการเงินที่ให้บริการสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ทางการเงินผ่านกลุ่มธนาคารธนชาต
- TISCO (ธนาคารทิสโก้): ธนาคารที่เน้นการให้บริการทางการเงินส่วนบุคคลและการบริหารสินทรัพย์ มีจุดเด่นด้านการลงทุนและประกันภัย หนึ่งในหุ้นปันผลในใจนักลงทุนไทย ที่มีการจ่ายปันผลต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
- TTB (ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต): ธนาคารที่เกิดจากการควบรวมของ TMB และธนชาต มีบริการทางการเงินที่ครอบคลุมทั้งสินเชื่อรายย่อยและธุรกิจ
เปรียบเทียบมูลค่าบริษัท, P/E และอัตราส่วนเงินปันผลหุ้นธนาคารในประเทศไทย
หุ้นธนาคาร | บริษัท | มูลค่าบริษัท (บาท) | P/E (เท่า) | อัตราส่วนเงินปันผล (%) |
---|---|---|---|---|
BAY | ธนาคารกรุงศรีอยุธยา | 198,605,570,000 | 6.29 | 3.15% |
BBL | ธนาคารกรุงเทพ | 299,688,330,000 | 7.04 | 4.46% |
CIMBT | ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย | 18,455,800,000 | 12.06 | N/A |
CREDIT | ธนาคารไทยเครดิต | 23,211,220,000 | 7.75 | N/A |
KBANK | ธนาคารกสิกรไทย | 364,876,450,000 | 7.80 | 4.22% |
KKP | ธนาคารเกียรตินาคินภัทร | 43,608,160,000 | 10.19 | 5.90% |
KTB | ธนาคารกรุงไทย | 301,882,920,000 | 7.81 | 4.02% |
LHFG | ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ | 18,006,110,000 | 10.09 | 3.53% |
SCB | ธนาคารไทยพาณิชย์ | 367,014,690,000 | 8.75 | 9.49% |
TCAP | ทุนธนชาต | 53,740,950,000 | 7.75 | 6.24% |
TISCO | ธนาคารทิสโก้ | 77,462,460,000 | 7.75 | 6.24% |
TTB | ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต | 184,088,670,000 | 9.07 | 5.53% |
หุ้นธนาคารในประเทศไทยเป็นหนึ่งในกลุ่มหุ้นที่มีความมั่นคงและมีโอกาสในการเติบโตที่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งให้ผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลที่สูงและสม่ำเสมอ การเลือกลงทุนในหุ้นธนาคารจึงเหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่มองหาการลงทุนระยะยาวที่มั่นคง อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนการตัดสินใจลงทุน
เริ่มต้นลงทุน หุ้นไทย, หุ้นต่างประเทศ, กองทุนรวม และ TFEX ศึกษารายละเอียดโปรโมชันเพิ่มเติม ได้ที่แอป Pi Financial วันนี้ ให้การลงทุน ง่ายกว่าที่เคย
คำเตือน- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
- ข้อมูล ณ วันที่ 16 ต.ค. 2567